tag:blogger.com,1999:blog-51894793057285102242024-03-13T16:28:18.586-07:00สามัญชน“วันนี้...การเรียนรู้ในตำราอย่างเดียว....คงไม่พอ”kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.comBlogger22125tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-14565036012241248982010-01-25T01:04:00.000-08:002010-01-25T01:25:09.794-08:00+++ บอลไทยหัวใจขี้แพ้พอดีมีโอกาสได้อ่านบทความใน manager.co.th เลยเกิดความรู้สึกว่ามันเป็นอย่างที่เค้าว่าจริงๆ เลยอยากให้เพื่อนๆได้ลองอ่าน แล้่วลองคิดกันว่า มันเป็นอย่างที่เค้าได้เขียนเอาไว้จริงๆหรือป่าว ถ้าหากซ้ำลบได้เลยนะคับ คอลัมน์ "หัวใจในกีฬา" โดย จำลอง ฝั่งชลจิตร เมื่อใช้กรรมการฟีฟ่าชาติเป็นกลาง ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ที่โคราชกลับมีคุณค่ากว่าเป่ากันเองแบบไทยๆ แล้วเป็นสิ่งพิสูจน์หัวใจกองเชียร์ชาวไทย ทีมชาติไทยแพ้ได้ ขอให้แพ้อย่างสมเกียรติ นักเตะทุ่มเทเต็มที่ แฟนบอลชาวไทยทำไมจะรับไม่ได้ ผมดูทีมชาติไทยเล่นทั้ง 3 แมตช์ หลังเกมกับเดนมาร์กสรุปว่า ทีมชาติไทยอยู่ห่างคำว่าพัฒนาหลายกิโลฯ ความคุ้นเคยกับเสียงนกหวีดของกรรมการชาวไทย เกมกับสิงคโปร์ โปแลนด์ และเดนมาร์ก นักเตะไทยเฝ้ารอเสียง (สวรรค์) นกหวีดเป่าเอื้อเจ้าภาพจากกรรมการชาวแอฟริกันที่พยายามทำให้เกมเป็นเกมและยุติธรรม ธีรเทพ วิโนทัย (ลีซอ) กำลังจะเป็นนักเตะที่เข็นไม่ขึ้นเอาจริงๆ เพราะสื่อไม่อยากแตะหรืออะไรก็แล้วแต่ ประสบการณ์จากอังกฤษกับเบลเยี่ยมช่วยเกือบไม่ได้เลย และอีกไม่นานจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ลีซอเรียนจบดอกเตอร์ด้านภาษาอังกฤษมาหรืออย่างไร จึงมีปัญหากับเสียงนกหวีดของกรรมการบ่อยมาก นี่ไม่ใช่เกมแรกที่เขาตีหน้าเซ่อเด๋อด๋าแสดงความบริสุทธิ์ หลังจงใจเล่นฟาวล์ต่อหน้ากรรมการ การกระโดดกางแขนใส่นักเตะสิงคโปร์ ถ้าไม่เพิ่ม “จังหวะ” สองที่จงใจใช้ท่อนแขนดีดกระโดงคางคู่ต่อสู้ กรรมการคงไม่ชูเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดงไล่ออก ถ้าเป็นกรรมการชาวไทยจังหวะนี้คงปล่อยผ่านและการเล่นนอกเกมอย่างไม่เกิดประโยชน์จะเพิ่มมากขึ้น โจเซป กวาร์ดิโอล่า กุนซือสโมสรแชมป์ยุโรปบาร์เซโลน่ายังแนะนำให้ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หุบปากและตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกมของตัวเอง รู้จักเคารพกรรมการ ถึงแม้บางครั้งกรรมการเป็นฝ่ายผิดพลาด นักเตะต้องรู้สึกผิดต่อเพื่อนร่วมทีมกรณีถูกไล่ออกอย่างโง่ๆ และต้องรู้จักแคร์ความรู้สึกของแฟนบอลด้วย การฟาวล์เพื่อตัวเองกับเพื่อทีมแฟนบอลแยกแยะได้ นักเตะจะไม่ถูกตำหนิหรือกล่าวโทษเสมอไป เมื่อคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ถูกไล่ออก เขากล่าวคำขอโทษเพื่อนนักเตะรีล มาดริดและรู้สึกเสียใจอย่างแท้จริง นักเตะไทยเป็นพวกใจขี้แพ้ ตัวอย่างนี้แสดงชัดเจนแมตช์ที่เล่นกับโปร์แลนด์ วันนั้นถ้าทีมไทยแพ้ 3-0 ผมคงมองไม่เห็นจิตใจ “ขี้แพ้” และ “ยอมแพ้” ของลูกทีมไบรอัน ร็อบสัน แต่สกอร์ 3-1 ต่างหากที่จิตใจขี้แพ้กระจายเกลื่อนสนาม ลองไปขอยืมเทปบันทึกการแข่งขันจากช่อง 7 สี มาฉายดูใหม่สัก 2-3 รอบก็ได้ โดยเฉพาะช่วงท้ายเกมที่ เทิดศักดิ์ ใจมั่น ยิงจุดโทษเข้าไป เทิดศักดิ์เดินกลับออกมาอย่างโดดเดี่ยว ไม่มีใครสักคนเข้ามาแสดงความดีใจ แม้แต่กัปตันทีม เกมที่เดนมาร์กถล่มไทย 3-0 หลังทำประตูทีมไทยได้ทุกประตู นักเดนมาร์กเข้าไปแสดงความยินดี กอดบ้าง ลูบศีรษะบ้าง ตบหลังบ้าง ให้กำลังใจกันและกัน การแสดงความดีใจด้านหนึ่งคือความเคารพคู่แข่งว่าพวกเขาไม่ได้ไล่ยิงหมู อีกด้านเป็นการเสริมสร้าง “สปิริต” ของทีมให้แกร่งและทรงพลัง จอห์น เทอร์รี่ กัปตันทีมเชลซีและทีมชาติอังกฤษ ไม่เคยละเลยที่จะชื่นชมลูกทีม ผมทายว่า..นักเตะไทยทุกคนแม้แต่เทิดศักดิ์คิดว่าทีมแพ้อยู่แล้ว 3-1 คงไล่ไม่ทัน ยิงจุดโทษได้จึงไม่มีใครแสดงความยินดี ทุกคน “ขี้แพ้” และ “ยอมแพ้” นี่แหละสันดานแก้ไม่หาย ทั้งๆ ที่ยังมีเวลาอีก 3-5 นาที เพียงพอที่จะเพิ่มความฮึกเหิมให้ยิงได้อีกสัก 1 ประตู แต่เมื่อสปิริตทีมไม่มี นักเตะสิ้นหวังไม่รู้ ทีมชาติไทยจะไปได้ถึงไหน แอฟริกันเนชั่นส์ คัพ ทีมแองโกล่ายิงถล่มมาลี 4-0 เกมทำท่าจะจบด้วยสกอร์ดังกล่าว ทว่า ช่วงไม่กี่นาทีสุดท้ายเกอีต้ากองกลางจากบาร์เซโลน่ายิงประตูตีไข่แตก เพื่อนร่วมทีมมีหัวใจเป็นมืออาชีพรุมล้อมแสดงความยินดี สปิริตของทีมแข็งแกร่งและไม่ขี้แพ้ ก่อนนกหวีดหมดเวลาประตูที่ 2 ตามมา ขวัญกำลังใจและความเชื่อมั่นเพิ่มพูน ช่วงทดเวลามาลียิงอีก 2 ประตูจบด้วยผลเสมอ 4-4 นี่คือตัวอย่างหัวใจไม่ขี้แพ้ที่นักเตะไทยควรเรียนรู้ แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี, ลิเวอร์พูลหรืออาร์เซนอล ตราบเสียงนกหวีดยาวยังไม่ดัง นักเตะอาชีพจะไม่สิ้นหวัง ถึงจะพ่ายแพ้พวกเขาก็ได้ใจกองเชียร์... แฟนบอลชาวไทยรอปรบมือให้นักสู้ตลอดเวลาkittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-87776855974926082232010-01-20T23:18:00.000-08:002010-01-21T06:15:14.538-08:00+++เชลซีถอยไป! ปืนโดนก่อนสองไล่แซง 4-2 นำฝูง<span style="LINE-HEIGHT: normal;font-size:18;" >"ปืนใหญ่"อาร์เซนอ ลของแรงห้ามไม่อยู่จากการทำท่าจะแพ้คาบ้านหลังถูกโบลตันบุกมายิงก่อนถึง 2-0 แต่สุดท้ายไล่แซงรวดเดียว 4 เม็ดแซงทั้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและเชลซีขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงมี 48 แต้ม + 34 เท่ากันแต่ประตูยิงได้มากกว่า<br /><br /><br /><span style="color:darkred;"><span style="FONT-WEIGHT: bold">พรีเมียร์ ลีก<br /><br />วันพุธที่ 20 มกราคม 2553</span></span><br /><br /><span style="color:blue;"><span style="FONT-WEIGHT: bold">อาร์เซนอล 4-2 โบลตัน<br /><br />ประตู :</span><span style="FONT-WEIGHT: bold"> 0-1 แกรี่ เคฮิลล์ น.7,0-2 แม็ท เมย์เลอร์(จุดโทษ) น.28,1-2 โธมัส โรซิคกี้ น.43,2-2 ฟาเบรกาส น.52,3-2 เฟอร์มาเลน น.65,4-2 อาร์ชาวิน น.85</span> </span><br /><br />นัดนี้ทางเจ้าบ้านต้องเน้นชัยชนะเป็นพิเศษ เพราะหากเก็บ 3 แต้มได้พวกเขาจะแซงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และจะได้ขึ้นเป็นจ่าฝูงร่วมกับเชลซีทันที และหากชนะได้มากกว่า 2 ลูกก็จะส่งให้พวกเขาขึ้นไปครองจ่าฝูงเดี่ยวๆได้เลยทีเดียว<br /><br /><span style="FONT-WEIGHT: bold"><span style="color:darkred;">ครึ่งแรก</span></span><br /><br /><span style="FONT-WEIGHT: bold"><span style="color:green;">โบลตันเซอไพร์!!</span></span><br />อาร์เซนอลช็อคตาตั้งเลยทีเดียว หลังกลิชี่เคลียร์บอลจากหน้าประตูไม่ดี ซัดบอลลอยโด่งอยู่หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่เควิน เดวีส์จะโหม่งชงไปให้กับแกรี่ เคฮิลล์ที่ยืนรอโล่ง ๆ ไม่ถึง 10 หลา ยิงตามน้ำด้วยซ้ายเข้าไปชนิดที่เรียกว่าอัลมูเนียเซฟยังไงก็ไม่ทันจริง ๆ ส่งผลให้ทีมเยือนออกนำไปก่อน 1-0 ตั้งแต่ต้นเกมส์<br /><br /><span style="FONT-WEIGHT: bold"><span style="color:green;">เจ้าถิ่นโต้บ้างเกือบได้</span></span><br />อยู่เฉยไม่ได้แล้วสำหรับอาร์เซนอล หลังจากโดนขึ้นนำเลยต้องพยายามตั้งเกมส์บุกกลับคืน โดยมีโอกาสยิงจากเอดูอาร์โด้ที่ได้ซัดด้วยซ้ายข้างถนัดตรงแถว ๆ กรอบเขตโทษฝั่งซ้ายบอลพุ่งเหมือนจะเข้ากรอบแต่เหินข้ามคานออกไปนิดเดียวเท่า นั้น<br /><br /><span style="FONT-WEIGHT: bold"><span style="color:green;">อัลมูเนียเซฟโคตร</span></span><br />อาร์เซนอลเกือบโดนนำห่างไปสองลูกแล้ว หลังโบลตันได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษเยื้อง ๆ ทางซ้ายก่อนที่เทย์เลอจะรับหน้าที่ปั่นด้วยซ้าย บอลพุ่งโค้งกำลังจะเสียบเสา แต่อัลมูเนียโชว์ซุปเปอร์เซฟ พุ่งสุดตัวมาปัดเอาไว้ได้ก่อน<br /><br /><span style="FONT-WEIGHT: bold"><span style="color:green;">โบลตันได้จุดโทษ!!</span></span><br />สวรรค์แทบล่มสำหรับอาร์เซนอล หลังจากเดนิลสันไปสกัดบอลช้าหนึ่งจังหวะ ทำให้รวบผุ้เล่นของโบลตันลงในเขตโทษ อลัน ไวลี่ย์ชี้เป็นลูกจุดโทษทันทีชนิดที่เรียกได้ว่านักเตะปืนใหญ่แทบจะโต้เถียง ไม่ได้เลย แม็ท เทย์เลอร์รับหน้าที่สังหาร ยิงไปทางขวาลูกพุ่งแรงและมุดลงเร็วทำให้อัลมูเนียที่ดูเหมือนจะพุ่งไปเซฟทัน นั้นคว้าไว้ไม่อยู่ โบลตันออกนำห่างอาร์เซนอล 2-0 ช็อคคนทั้งสนาม<br /><br /><span style="FONT-WEIGHT: bold"><span style="color:green;">ปืนเกือบได้คืน</span></span><br />หลังเสียประตูได้ไม่ถึง 5 นาทีอาร์เซนอลก็มีโอกาสงาม ๆ ที่จะได้ตีไข่แตก จากลูกจ่ายทะลุช่องของฟาเบรกาสที่ลากบอลผ่านนักเตะโบลตันมาสองถึงสามคน ให้กับเอดูอาร์โด้ในกรอบเขตโทษ เจ้าตัวแต่งบอลก่อนจะล้มตัวยิงด้วยซ้าย แต่ยัสเคไลเน่นไม่พลาดอ่านทางบอลล้มตัวตระครุบได้ทัน<br /><br /><span style="FONT-WEIGHT: bold"><span style="color:green;">เกมส์เริ่มหนัก</span></span><br />พอออกนำห่าง 2-0 โบลตันก็พยายามเล่นให้แน่นอนขึ้น และเล่นหนักมากขึ้น เพื่อไม่ให้อาร์เซนอลได้เล่นเกมส์อย่างที่พวกเขาถนัด โดยสอยทั้งโรซิคกี้ และเอดูอาร์โด้คว้าสองสามครั้งเลยทีเดียว แต่ยังไม่มีใบเหลืองหลุดออกมาจากกระเป๋าของไวลี่ย์เลยสักครั้ง<br /><br /><span style="FONT-WEIGHT: bold"><span style="color:green;">ชนคาน!!</span></span><br />โบลตันเกือบเสียกระบวนซะแล้ว หลังตัดฟาวล์เยอะ จนอาร์เซนอลได้ฟรีคิกเกือบ ๆ กลางสนาม ฟาเบรกาสรับหน้าที่เปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษ กัลลาส์กำลังจะวิ่งไปจุดนัดพบ แต่เควิน เดวีส์เห็นก่อนพยายามจะเข้าไปโหม่งสกัดให้ออกหลัง แต่บอลลอยไปชนคาน โชคดีที่บอลไม่เด้งเข้าประตู แต่อยู่ในระยะที่ยัสเคไลเน่นจะสามารถคว้าเอาไว้ได้ โบลตันรอดจากการเสียประตูหวุดหวิด<br /><br /><span style="FONT-WEIGHT: bold"><span style="color:green;">พี่กี้สุดยอดดดดด</span></span><br />อาร์เซนอลบดจนได้เรื่อง หลังฟาเบรกาสไปเบียดแย่งบอลจากทางฝั่งโบลตันมาได้ ก่อนที่จะจ่ายต่อให้กับโรซิคกี้ทางฝั่งขวา กองหลังโบลตันพยายามดักทางเปิดของพี่กี้ แต่ที่ไหนได้อยู่ดี ๆ โรซิคกี้ซัดด้วยขวาทันที บอลพุ่งเสียบเสาชนิดที่ว่ายัสเคไลเน่นได้แต่มองแล้วด้วยซ้ำ อาร์เซนอลตามมาเป็น 2-1 แล้ว<br /><br /><span style="FONT-WEIGHT: bold"><span style="color:green;">เชสก์ปั่นเกือบเฮ</span></span><br />เกือบได้สองลูกในเวลาแค่ 2 นาทีซะแล้ว โดนฟาเบรกาสมีโอกาสหลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษทางฝั่งซ็าย ปั่นโค้งด้วยเท้าขวาข้างถนัด แต่ยัสเคไลเน่นยังปัดออกไปได้ โบลตันระส่ำหนักแล้วในตอนนี้<br /><br />แม้พลพรรคปืนใหญ่จะพยายามบุกกดดันหนักอย่างต่อเนื่อง เพื่อยิงประตูตีเสมอให้ได้ แต่ทางโบลตันก็ยังคงต้านไว้อยู่ ทำให้จบ 45 นาที โบลตันนำอาเซนอลเจ้าบ้านอยู่ 2-1 งานนี้เวนเกอร์คงต้องปลุกใจลูกทีมให้ดีกว่านี้ หากหวังจะขึ้นจ่าฝูงร่วมกับเชลซี เมื่อจบเกมส์นี้ เพราะเกมส์ของอาร์เซนอลในช่วง 15 นาทีก่อนจบครึ่งแรกถือว่าเหนือกว่าโบลตันมาก<br /><br /><span style="FONT-WEIGHT: bold"><span style="color:darkred;">ครึ่งหลัง</span></span><br /><br />ทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่น ในครึ่งหลังนี้หากทางโบลตันต้องการมีแต้มติดมือกลับบ้านแล้วละก็ คงจะ้ต้องเล่นให้ดีกว่าในช่วงท้ายครึ่งแรก ไม่งั้นแล้วพวกเขาอาจจะพลาดท่าให้แก่ "ปืนโต" ก็เป็นได้<br /><br /><span style="FONT-WEIGHT: bold"><span style="color:green;">ประตูปัญหา!!!</span></span><br />โดนจนได้สำหรับทางโบลตัน โดยเป็นจังหวะบอลคลุกคลิกอยู่หน้ากรอบเขตโทษของโบลตัน กองหลังสกัดไม่ขาดสักที ทำให้ลอยล้นไปทางฟาเบกาสที่รออยู่ทางฝั่งขวาของกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะซัดมุมแคบ ลดหว่างขาของยัสเคไลเน่นเข้าไปอย่างสวยงาม แต่จังหวะนี้มีปัญหาให้พูดถึงแน่นอนเพราะก่อนหน้าที่ฟาเบรกาสจะหลุดเข้าไป ยิงได้ กัลลาส์ไปย่ำข้อเท้าของมาร์ค เดวีส์ที่ดูจากภาพช้าแล้วอาจจะถึงขั้นหักได้เลย แต่ทางอาร์เซนอลไม่หยุดเล่น และผู้ตัดสินก็ไม่เป่าฟาวล์ หรือเป่าหยุดเกมส์ทำให้อาร์เซนอลตีเสมอโบลตันเป็น 2-2 แล้ว<br /><br />หลังจากนั้นได้มีการปฐมพยาบาลมาร์ค เดวีส์อยู่ร่วม ๆ 5 นาทีก่อนที่เจ้าตัวจะถูกหามส่งโรงพยาบาล เพราะดูเหมือนว่าข้อเท้าอาจจะหัก หรือแตก ทำให้คอยล์ไม่มีทางเลือกต้องส่งแม็คแคนลงมาเล่นแทน<br /><br /><img border="0" hspace="10" vspace="5" align="left" src="http://img196.imageshack.us/img196/5778/7d23287dba60f3334994393.jpg" /><span style="FONT-WEIGHT: bold"><span style="color:green;">เกือบพลิก!</span></span><br />โมเมนตั้มไหลมาทางเจ้าถิ่นเต็มที่แล้วตอนนี้ และทางปืนใหญ่ก็เกือบพลิกขึ้นนำไปได้ โดยฟาเบรกาสทำชิ่ง 1-2 กับอาร์ชาวิน ก่อนที่จะลากไปซัดด้วยซ้ายเต็ม ๆ หน้ากรอบเขตโทษ ยัสเคไลเนนกระโดดปัดสุดตัวข้ามคานไปได้ ไม่งั้นแล้วลูกนี้มุดเสียบใต้คานแน่นอน<br /><br /><span style="FONT-WEIGHT: bold"><span style="color:green;">3-2 โคตรมันสสสสส์</span></span><br />ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ หลังจากอาร์เซนอลได้ลูกเตะมุมฟาเบรกาสเปิดบอลเข้ามา จังหวะแรกเฟอร์มาเลนพยายามขึ้นโหม่ง แต่ไม่ถนัด ทำให้บอลล้นกำลังจะออกจากเขตโทษ แต่พี่บี้โหม่งกลับมาเข้าทางเฟอร์มาเลนอีกครั้งหนึง คราวนี้ไม่ใช้หัวแล้ว แต่ซัดด้วยเท้าซ้ายเต็ม ๆ บอลพุ่งชนเสาก่อนจะเข้าไปนอนกลิ้งอยู่ก้นตาข่าย ยัสเคไลเนนหมดสิทธิ์รับ และอาจจะบ่นในใจว่านี่เฟอร์มาเลนใช่กองหลังจริงๆหรอ ทำไมยิงคมขนาดนี้ ส่งผลให้อาร์เซนอลโชว์การคัมแบ็คสุดยอด แซงจาก 0-2 ขึ้นมานำเป็น 3-2 แล้ว<br /><br /><span style="FONT-WEIGHT: bold"><span style="color:green;">ปืนเริ่มเน้นครองบอล</span></span><br />หลังจากเร่งจนสามารถพลิกมาขึ้นนำได้แล้ว อาร์เซนอลก็ค่อย ๆ ต่อบอลมากขึ้น โดยเน้นการครองบอลมากกว่าการจ่ายขึ้นหน้า ทำให้ทางโบลตันได้มีโอกาสบ้าง แต่ก็ยังไม่จะแจ้งเท่าไร และดูเหมือนทีมเยือนจะใจเสียไม่น้อยด้วย<br /><br /><span style="FONT-WEIGHT: bold"><span style="color:green;">ปืนขอลุ้นจุดโทษ</span></span><br />ขอได้ลุ้นจุดโทษบ้างสำหรับทางเจ้าบ้าน โดยฟาเบรกาสมีโอกาสหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย หลังจากวิ่งหลุดกับดักล้ำหน้าขึ้นไปได้ แต่ดูเหมือนจะแตะยาวจนเกินไป ทำให้ยัสเคไลเนนพุ่งออกมาสะกัด เจ้าตัวล้มหน้าคะมำ แต่กรรมการเฉย เพราะจังหวะนี้กัปตันทีมปืนโตน่าจะไม่มีโอกาสยิงแล้ว อีกทั้งบอลก็ออกหลังไปแล้วด้วย<br /><br /><span style="FONT-WEIGHT: bold"><span style="color:green;">ไปข้างหน้าอย่างอาชา!!!!</span></span><br />ปิดกล่องด้วยประตูสุดสวย จาการทำชิ่ง 1-2 อาร์ชาวิน และเอดูอาร์โด้ หลบกองหลังของโบลตันได้ถึง 2 คนก่อนที่อาร์ชาวินจะหลุดเข้าเขตโทษ แล้วพลิกบอลหลบกองหลังโบลตันอีกคนหนึง ก่อนจะซัดด้วยขวาเต็มตีนเตี่ย บอลพุ่งเสียบตาข่าย อาร์เซนอลรัวปืนใส่โบลตันยับ ออกนำห่างเป็น 4-2 อย่างยอดเยี่ยม ชนิดผู้บรรยายทาง Sopcast ของคนทำผลบอลรัวลิ้นพูดไม่หยุดปากเลยทีเดียว<br /><br />ช่วงท้ายเกมส์อาร์เซนอลมีโอกาสบวกเพิ่มจากการสวนกลับเร็ว ก่อนที่บอลจะหลุดไปถึงอาร์ชาวิน ที่ลากเดี่ยวหลบกองหลังของโบลตันไปได้ แต่กลับเลือกที่จะยิงเอง ทั้ง ๆ ที่ทางฝั่งขวามีทีโอ วัลคอตยืนโล่งโจ้งอยู่คนเดียวแท้ ๆ ทำให้ยัสเคไลเนนออกมาบล็อคได้ทัน<br /><br />จบ 90 นาที อาร์เซนอลโชว์ฟอร์มสุดยอด คัมแบ็คกลับมาเอาชนะโบลตันไปได้อย่างสวยงาม 4-2 ส่งผลให้ "ปืนใหญ่" พุ่งขึ้นเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ ลีกทันที แซงทั้งแมนยูไนเต็ด และเขี่ยเชลซีตกบัลลังค์ ด้วยคะแนน 48 แต้มเท่ากัน ลูกได้เสียเท่ากัน แต่ทางปืนใหญ่ยิงประตูได้มากว่า และเตะมากกว่า 1 นัด<br /><br /><span style="FONT-WEIGHT: bold"><span style="color:blue;">รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม</span></span><br /><br /><span style="FONT-WEIGHT: bold"><span style="color:blue;">อาร์เซนอล :</span></span> มานูเอล อัลมูเนีย 7,บาคารี่ ซาญ่า 6,วิลเลี่ยม กัลลาส์ 5,โธมัส เฟอร์มาเลน 7,กาแอล กลิชี่<img border="0" src="http://www.sportinglife.com/football/live_match/images/yellow.gif" /> 7,<span style="color:red;">เชสก์ ฟาเบรกาส 9*</span>,เดนิลสัน 7,ดิอาบี้ 8(อีสมอนด์ 7 น.77),โธมัส โรซิคกี้ 8(เบล่า 6 น.88),อังเดร อาชาวิน 7,เอดูอาโด้ ดาซิลวา 7(วัลคอต 6 น.90)<br /><br /><span style="FONT-WEIGHT: bold"><span style="color:blue;">โบลตัน :</span></span> ยุสซี่ ยัสเคไลเนน 5,เกทาร์ สไตน์สสัน7,แกรี่ เคฮิลล์ 7,แซท ไนท์ 7,พอล โรบินสัน 6(ริคเก็ตตส์ น.90),ลี ชุน ยอง 7(คลาสนิค น.81),มาร์ค เดวีส์ 7(แม็คแคน<img border="0" src="http://www.sportinglife.com/football/live_match/images/yellow.gif" /> น.57),ฟาบริซ มูอัมบ้า 6<img border="0" src="http://www.sportinglife.com/football/live_match/images/yellow.gif" />,ทาเมียร์ โคเฮน 5,แมทธิว เทย์เลอร์ 8,เควิน เดวีส์ 9<br /><br /></span><a class="postlink" href="http://image.ohozaa.com/show.php?id=48d15aa3ada7b45734ad03a6680b9405" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i4/6clip_2.jpg" /></a>kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-86022046977378255452010-01-18T09:34:00.000-08:002010-01-18T09:35:05.414-08:00+++แตกต่างแต่เติมเต็ม<span style="font-size:-1;">แปลกมั๊ย..ใคร ๆ ก็คิดว่าเวลากับนาฬิกาเป็นสิ่งที่คู่กันเสมอ<br />จริง ๆ แล้ว มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นซักหน่อย<br /><br />เวลา... เดินไปข้างหน้า<br />นาฬิกา.. เดินอยู่ที่เก่า<br /><br />เวลา.. เราไม่อาจย้อนกลับ<br />นาฬิกา.. เราหมุนย้อนมันได้<br /><br />เวลา.. เมื่อสูญเสียไปแล้วไม่อาจเรียกร้องคืน<br />นาฬิกา.. เสียก็ซ่อม หรือซื้อใหม่ได้<br /><br />เวลา.. ได้มาฟรีๆ ไม่ต้องแลกกับอะไร<br />นาฬิกา.. ยิ่งสวยยิ่งแพง ใช้เงินซื้อมันมาทั้งนั้น<br /><br />แล้วอย่างนี้ มันจะคู่กันได้ยังไง ในเมื่อมันแตกต่างกันเหลือเกิน<br /><br />แต่ถามหน่อย.. ถ้าไม่มีนาฬิกา จะรู้เวลามั๊ย<br />หรือถ้ามีแต่นาฬิกา แต่ไม่รู้จักเวลา จะมีประโยชน์อะไร<br />ถึง 2 สิ่งจะแตกต่างกัน แต่ถ้ามันจะคู่กันแล้ว<br />ย่อมมีจุดร่วมกันเสมอ เพียงแต่จะมองเห็นมันรึป่าว?<br /><br />เวลากับนาฬิกา ก็เหมือนฉันกับเขา<br /><br />ฉันกับเขา.. อาจไม่มีอะไรเหมือนกัน<br />ฉันกับเขา.. มีความคิด และวิถีชีวิตที่ต่างกัน<br />ฉันกับเขา.. อาจเดินกันคนละเส้นทาง<br />ฉันกับเขา.. อาจมีความฝันที่ห่างไกลกัน<br /><br />ฉัน.. อาจเหมือนกับเวลา ที่ชอบเดินไปข้างหน้า<br />หาสิ่งใหม่ๆ ที่ท้าทาย โดยทิ้งหลายสิ่งไว้ข้างหลัง<br /><br />เขา.. อาจเหมือนกับนาฬิกา ที่ยังเป็นแบบเดิมๆ<br />ใช้ชีวิตและทำหน้าที่ไปเรื่อยๆ ในมุมเก่าๆ<br /><br />ฉันอาจไม่พบกับเขาเลย ถ้าฉันยังดึงดันจะมองแต่ข้างหน้า<br />ฉันอาจไม่พบกับเขาเลย ถ้าฉันไม่มองไปข้างหลัง<br /><br />เขายังไม่เห็นฉัน เพราะเขายังอยู่แบบเดิม ๆ<br />เขายังไม่เห็นฉัน เพราะเขายังก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของเขาไป<br /><br />แต่ฉันยังเฝ้ามอง เฝ้ารอ …<br /><br />ความแตกต่าง อาจสร้างกำแพงบังเขาไว้<br />แต่ฉันยังเชื่อมั่น ว่าซักวัน สิ่งนั้นน่ะแหละ<br />ที่จะเชื่อมโยงใจเราเข้าหากัน<br /><br />ความแตกต่าง จะเติมเต็มส่วนที่เราขาดหาย<br />และสุดท้าย ก็จะเหลือเพียงแค่คำว่า.. กันและกัน<br />เหมือนกับเวลาและนาฬิกา ที่ยังคู่กันเสมอมา และตลอดไป </span>kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-33994309066241201512010-01-18T09:31:00.001-08:002010-01-25T02:13:10.644-08:00+++ความสุขของการได้รักความจริงก็คือ ในขณะที่เรากำลังคิดถึงใครคนนึงตลอดเวลา เค้าคนนั้นอาจกำลังคิดถึงใครคนอื่นอยู่ก็เป็นได้ และบางครั้งก็อาจมีใครบางคนที่คิดถึงเราอย ู่ โดยที่เราไม่สนใจเลยเช่นกัน บางครั้งการได้ฝันไปคนเดียว มันก็ดีกว่าการได้รู้ความจริงที่ว่า... <span style="color: rgb(153, 0, 0);">"สิ่งที่เราคิดทั้งหมดมันคือความฝันของเราเพียงคนเดียว"</span> <p>ฉะนั้นไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะจมอยู่กับความฝันมากกว่าการได้รู้ความจริง การไม่ได้เป็นที่หนึ่งในใจเค้าไม่ใช่เรื่องน่าเศร้า เราอาจได้เป็นที่ 2 ซึ่งมันก็ยังดีกว่าได้เป็นที่ 3 หรือ 4... และหากเราเป็นที่ 10 ในใจเค้า..... ก็ขอให้คิดไว้ว่าก็ยังดีกว่าเราไม่มีความสำคัญอะไรในใจเค้าเลย..... มันอาจต้องมีน้ำตาบ้าง ในการยอมรับความจริงว่าเราไม่ใช่ที่ 1... แต่โปรดจำไว้เถอะว่า หากหัวใจของคุณยังไม่ร้องไห้ออกมาดังๆพร้อมกับพูดกับตัวเองว่า... <span style="color: rgb(153, 0, 0);">"ฉันเหนื่อยเหลือเกิน โปรดห้ามใจเถอะก่อนที่ฉันจะอ่อนล้าไปมากกว่านี้...."</span></p> <p> ก็จงชอบต่อไปเถอะ การรักใครสักคนไม่ต้องการความพยายาม... การตัดใจต่างหากที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากมาย ลองชั่งน้ำหนักในใจคุณดูสิว่า <span style="color: rgb(153, 0, 0);">"ความสุขยามที่ได้สบตาเค้า"</span> กับ <span style="color: rgb(153, 0, 0);">"ความทุกข์ยามที่คุณต้องคอยหลบตาเค้า" </span>อันไหนมันหนักหนากว่ากัน อย่าโทษตัวเองที่มาเจอเค้าสายเกินไป... อย่าโทษเค้าที่ไม่มีใจให้... อย่าโทษโชคชะตาที่ทำให้เราพบกัน แต่ไม่ได้ทำให้เราใจตรงกัน... </p> <p> แต่จงยิ้มให้กับตัวเอง ที่อย่างน้อย ถึงจะพบเค้าคนนั้นสายเกินไป แต่ก็ยังได้พบ... ยิ้มให้เค้า ที่ถึงจะไม่ได้ให้ใจเรามา แต่ก็ยังได้รับหัวใจเราไป.... ยิ้มให้โชคชะตา ที่ถึงแม้จะไม่ได้ทำให้เรารักกัน แต่ก็ยังทำให้เราได้รู้จักกัน...</p> <p> คุณควรจะดีใจด้วยซ้ำ ที่ครั้งหนึ่ง... คุณได้เจอคนที่คุณอยากเก็บรอยยิ้มของเค้าไว้คนเดียว คนที่คุณใส่ใจกว่าตัวคุณเอง... คนที่ทำให้คุณหัวเราะและร้องไห้ได้มากมาย... คนที่ยิ้มของเค้าเปลี่ยนวันที่หมองหม่นของคุณให้กลายเป็นวันที่สดใส... <span style="color: rgb(255, 0, 0);">เท่านี้ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ?</span></p> <p> แค่การได้เห็นคนที่เรารักได้หัวเราะอยู่กับใครสักคน คนที่เค้ารักมากที่สุด..... นั้นแหละคือ... ความสุขของการได้รัก...อย่างจริงใจ </p>kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-91044011925827812982010-01-17T09:56:00.000-08:002010-01-17T10:01:45.878-08:00+++ปืนลั่ลล้าซิว 2-0 ลุ้นนำจ่าฝูงพุธนี้<span style="line-height: normal;font-size:18px;" >"ปืนใหญ่"อาร์เซนอ ลเครื่องร้อนบุกเอาชนะโบลตันชนิดออกแรงกันลิ้นห้อย 2-0 จากประตูของเชสก์ ฟาเบรกัสและฟราน เมริด้าตัวสำรองไล่จี้เชลซีเข้ามาเหลือ 3 แต้มและหากเอาชนะโบลตันทีมเดิมในกลางสัปดาห์ก็จะนำฝูงร่วมเป็นครั้งแรกในฤดู กาลนี้กันเลย<br /><br /><span style="color:darkred;"><span style="font-weight: bold;">พรีเมียร์ลีก<br /><br />วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม 2553</span></span><br /><br /><span style="color:blue;"><span style="font-weight: bold;">โบลตัน 0-2 อาร์เซนอล<br /><br />ประตู : 0-1 ฟากเบรกัส น.28,0-2 เมรด้า น.78</span></span><br /><br /><span style="color:darkred;"><span style="font-weight: bold;">ครึ่งแรก</span></span><br /><br /><span style="color:green;"><span style="font-weight: bold;">โบลตันลั่ลล้า</span></span><br />ยังไม่ถึงนาทีโบลตันเรียกว่าลุยแหลกเหมือนชาติก่อนไม่ชอบขี้หน้ากันมาจน ทำให้แนวรับ"ปืนใหญ่"ถึงกับเป๋และคลาสนิชยิงไกลฉีดยาเสียบมุมตุงตาข่ายแต่ ดันวิ่งมาจากตำแหน่งล้ำหน้าเลยชวดไป<br /><br /><span style="color:green;"><span style="font-weight: bold;">เชสก์ยิงไกลเฉี่ยว</span></span><br />แต่นาทีที่ 5 อาร์เซนอลเกือบได้ประตูขึ้นนำหลังเชสก์รับบอลที่โรซิคกี้ป้ายกลับคืนมาให้ ตรงระยะ 25 หลาก่อนล็อกหนีโคเฮนแล้วยิงไกลบอลเหมือนโดนไม่เต็มหลุดเสาออกไปนิดเดียว<br /><br /><span style="color:green;"><span style="font-weight: bold;">ปืนเริ่มมาแล้ว</span></span><br />ทีมเยือนเหมอนเครื่องจะติดและอีก 2 นาทีต่อมาเชสก์แทงทะลุให้เอดูอาร์โด้หลุดเข้าไปในเขตโทษแต่ยัสเคไลเนนปรี่ ล้มตัวปัดจากเท้าก่อนกองหลังมารับช่วงต่อ<br /><br /><span style="color:green;"><span style="font-weight: bold;">คลาสนิชตัวป่วน</span></span><br />แต่พอเล่นไปเรื่อยๆโบลตันกลับคุมเกมต่อบอลได้ลื่นกว่าและนาที 22 สไตน์สสันลากบอลหลังเพื่อนตัดจากกลางสนามมาถึงหน้าเขตโทษแล้วฝากต่อให้คลา สนิชที่จับแล้วพลิกยิงไซด์นอกเขตโทษแต่บอลไปตรงตัวอัลมูเนียที่ล้มรับเข้า ซองพอดี<br /><br /><span style="color:green;"><span style="font-weight: bold;">ทีมเวิร์คเทพ!เชสก์ซัด 1-0</span></span><br />อย่างไรก็ตามนาที 29 กลายเป็น"ปืนใหญ่"ที่พลิกขึ้นนำ 1-0 จากลูกนัวเนียหน้าเขตโทษแล้วกองหลังโบลตันเคลียร์ไม่ขาดปล่อยให้เชสก์ทำชิ่ง 1-2 กับดูดู้โดยที่หอกโครแอทใช้ดีดข้างเท้าเร็วจนเชสก์วิ่งมาซัดในกรอบเลีย ดเสียบมุมผ่านมือยัสเคไลเนนเข้าไปเลย<br /><br /><span style="color:green;"><span style="font-weight: bold;">ดาวรุ่งปืนเกือบเปิดซิง</span></span><br />อีก 2 นาทีเศษๆทีมเยือนน่าจะได้ลูกสองอย่างวที่สุดหลังจังหวะเตะมุมของเชสก์บอล โค้งเลยทุกคนมาหล่นใส่อีสต์มอนด์ดาวรุ่งที่แปเน้นๆระยะ 12 หลาแต่บอลเลียดไปตรงตัวยัสเคไลเนนที่ล้มตัวปัดแล้วพอล โรบินสันที่ไม่ใช่นายทวารเคลียร์ทิ้งก่อนใครเพื่อน<br /><br /><span style="color:green;"><span style="font-weight: bold;">ลีได้ซัดเสียว</span></span><br />โบลตันทรงบอลยังไม่ยวบและยังพาบอลมาป้วนเปี้ยนเรื่อๆโดยก่อนหมดครึ่งแรก 5 นาทีลี ชุน ยองเอาบอลที่เพิ่มเปิดข้ามฝากลงก่อนตะบันในเขตโทษเยื้องๆฝั่งขวาบอลพุ่งลอด ขาเพื่อนแต่อัลมูเนียมองเห็นล้มตัวรับเข้ามือพอดี<br /><br /><span style="color:green;"><span style="font-weight: bold;">เชสก์เข้าฮอร์ตเฉี่ยวเสา</span></span><br />นาที 43 อาร์เซนอลต่อบอลสวยขึ้นมาอีกชุดจนเกือบได้ลูก 2 หลังดูดู้แทงทะลุให้อาร์ชาวินสอยขายิกๆวิ่งไล่ควบไปตบบอลที่เส้นหลังในเขตตบ ย้อนกลับมาให้ดูดู้ยกขาหลอกตรงระยะ 6 หลาแล้วเชสก์วิ่งมาแยงยิงบอลค่อยๆกลิ้งออกเสาอย่างน่าเสียดาย หมดครึ่งแรกอาร์เซนอลนำอยู่ 1-0<br /><br /><span style="color:darkred;"><span style="font-weight: bold;">ครึ่งหลัง</span></span><br /><br /><span style="color:green;"><span style="font-weight: bold;">โบลตันขึงหนัก</span></span><br />ทีมเยือนงานหนักอีกแล้วหลังโบลตันโฆมยำใหญ่อย่างหนักโดยตอนนี้โอเว่น คอย์ลแก้เกมสั่งให้ลี ชุน ยองบุกขึ้นทางปีกขวาเล่นงานตราโอเร่ที่หลุดตลอดจนได้เปิดเข้ามาเสียว 2-3 ครั้งแล้ว<br /><br /><span style="color:green;"><span style="font-weight: bold;">ตราโอเล่บ่อน้ำมัน</span></span><br />"ปืนใหญ่"รอดตายอีกแล้วหลังนาที 61 โบลตันต่อบอลกันหน้าประตูจนแนวรับทีมเยือนแตกไปคนละทางก่อนที่แมทธิว เทย์เลอร์จะได้บอลแทงทะลุเข้าเขตโทษจากคลาสนิชหลุดเข้าไปล่อเป้าอัลมูเนียใน เขตโทษแต่ตอนยิงซัดแหกคานออกไปน่าเกลียดมาก<br /><br /><span style="color:green;"><span style="font-weight: bold;">เทย์เลอร์พลาดช็อก</span></span><br />อีก 10 นาทีต่อมาอาร์เซนอลที่เหมือนจะดีขึ้นแต่เป็นโบลตันที่ทิ้งโอกาสทองเองหลังโค เฮนวางบอลยาวจากกลางสนามให้แมทธิว เทย์เลอร์วิ่งสอดเพราะเฟอมาเลนดันไม่ทันจนหลุดเดี่ยวแบบโคตรๆแต่แข้งเจ้า ถิ่นไม่รู้คิดยังไงถึงรีบยิงไกลนอกเขตจนผ่านมืออัลมูเนียเฉี่ยวเสาออกไป นี่ลากเข้าไปยังได้เลย แฟนบอลร้องโอ้ยกันใหญ่<br /><br /><span style="color:green;"><span style="font-weight: bold;">เมริด้าซูเปอร์ซับ 2-0 </span></span><br />พอไม่ได้แล้วทีนี้ก่อนหมดเวลา 12 นาทีอาร์เซนอลมาได้เม็ดสองจากการลากขึ้นมาเองของเชสก์จนถึงหน้าเขตโทษแล้ว แทงออกซ้ายให้ดูดู้เปิดด้วยอีซ้ายย้อยโด่งแล้วไนท์โขกแบบสุดตัวเช็ดไปเข้า ทางฟราน เมริด้าตัวสำรองที่แล่บมาเสาสองจับลงแล้วซัดหักข้อบอลตุงหน้าต่างอีกฝั่ง เบียดเสาเข้าไปคมกริบ เวนเกอร์เปลี่ยนตัวเทพมาก<br /><br />หมดเวลาอาร์เซนอลเช็กบิลปิดเกมเอาชนะ 2-0 มี 45 แต้มจาก 21 นัดและพร้อมส่งตัวเองขึ้นเป็นจ่าฝูงร่วมกับเชลซีหากเปิดบ้านเอาชนะโบลตันใน บ้านตัวเองในวันพุธนี้ได้อีกครั้ง<br /><br /><span style="color:blue;"><span style="font-weight: bold;">รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม<br /><br />โบลตัน : </span></span>ยุสซี่ ยัสเคไลเนน,เกทาร์ สไตน์สสัน,แกรี่ เคฮิลล์,แซท ไนท์,พอล โรบินสัน <img src="http://www.sportinglife.com/football/live_match/images/yellow.gif" border="0" />,ลี ชุน ยอง,ฟาบริซ มูอัมบ้า(แม็คคาน น.61),ทาเมียร์ โคเฮน,แมทธิว เทย์เลอร์,อีวาน คลาสนิช,เควิน เดวีส์<br /><br /><span style="color:blue;"><span style="font-weight: bold;">อาร์เซนอล :</span></span> มานูเอล อัลมูเนีย,บาคารี่ ซาญ่า,วิลเลี่ยม กัลลาส์,โธมัส เฟอร์มาเลน <img src="http://www.sportinglife.com/football/live_match/images/yellow.gif" border="0" />,อาร์มานด์ ตราโอเร่,เชสก์ ฟาเบรกัส,เคร็ก อีสต์มอนด์(เมริด้า น.63),วาสซิริกิ โรซิคกี้ <img src="http://www.sportinglife.com/football/live_match/images/yellow.gif" border="0" />(คลิชี่ น.74),เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา(เบล่า น.84),อังเดร อาร์ชาวิน<br /><br /></span><img src="http://d.yimg.com/i/ng/sp/p5/20100117/16/3702255968.jpg" border="0" />kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-18270631751851774452010-01-09T22:16:00.000-08:002010-01-09T22:19:03.570-08:00+++ยกเลิกได้มั๊ย!?ปืนเกือบตายแป๊งตีเจ๊าทดเจ็บ<span style="font-size: 18px; line-height: normal;">"ปืนใหญ่"อาร์เซนอลพ ลาดโอกาสสำคัญไล่เชลซีเข้ามาเหลือแต้มเดียวอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเล่นในบ้าน ตัวเองแท้ๆกลับต้องกระเสือกกระสนไล่ตามตีเสมอเอฟเวอร์ตันระทึกขวัญ 2-2 โดยได้ประตูจากโทมัส โรซิคกี้ตัวสำรองในช่วงทดเจ็บเลยรั้งอยู่อันดับ 3 ตาม 3 แต้มแต่เตะเท่ากันแล้ว<br /><br /><span style="color: darkred;"><span style="font-weight: bold;">พรีเมียร์ลีก<br /><br />วันเสาร์ที่ 9 มกราคม 2553</span></span><br /><br /><span style="color: blue;"><span style="font-weight: bold;">อาร์เซนอล 2-2 เอฟเวอร์ตัน<br /><br />อากาศ : หิมะตก<br /><br />ประตู : 0-1 ออสมัน น.12,1-1 เดนิลสัน น.28,1-2 พีนาร์ น.81,2-2 โรซิคกี้ น.90+2</span></span><br /><br />นี่เป็นโอกาสอันดีที่อาร์เซนอลจะไล่จี้เชลซีเหลือแต้มเดียวหลังเป็นหนึ่งในสองจาก 7 คู่ที่สามารถทำการแข่งขันในวันเสาร์ได้<br /><br /><span style="color: darkred;"><span style="font-weight: bold;">ครึ่งแรก</span></span><br /><br /><span style="color: green;"><span style="font-weight: bold;">ท๊อฟฟี่มาดี</span></span><br />เอฟเวอร์ตันมาวันนี้ไม่มีกลัวเลยโดยนักเตะวิ่งสู้ฟัดและท้าดวลแบบเอา เรื่องเลยทำให้การต่อบอลสั้นของ"ปืนใหญ่"ดูแล้วยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่า ไหร่<br /><br /><span style="color: green;"><span style="font-weight: bold;">ซาฮาเกือบทำช็อก</span></span><br />นาทีที่ 9 ทีมเยือนเกือบทำช็อกหลังพีนาร์ได้บอลเลยกลางสนามมา 10 หลาแล้วแถวนั้นมีแต่แข้งอาร์เซนอลรายล้อม 4-5 คนแล้วเหลือเห็นซาฮาอยู่อีกฝั่งหน้าเขตโทษเลยจ่ายตัดหลังเซนเตอร์ก่อนที่ อดีตแข้งแมนฯยูฯจะแต่งเข้าเขตโทษมานิดนึงแล้วเบียดล้มตราโอเล่ล้มลงแต่โชคดี ของอาร์เซนอลที่บอลมาเข้าเท้าขวาเลยยิงข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย<br /><br /></span><span style="font-size: 18px; line-height: normal;"><span style="color: green;"><span style="font-weight: bold;">ปืนเสียวบ้าง</span></span><br />อีกนาทีเศษๆดิยาบี้วิ่งพลิกบอลที่เพื่อนทุ่มมาก่อนยิงหน้ากรอบบอลเลียดไปที่ หน้าปากประตูอาร์ชาวินล้มสไลด์ยิงตามน้ำไม่โดนออกหลังอย่างน่าเสียดาย<br /><br /><span style="color: green;"><span style="font-weight: bold;">ออสมันโขก 1-0</span></span><br />และแล้วนาที 12 เอฟเวอร์ตันขึ้นนำก่อนจากจังหวะลูกเตะมุมของโดโนแวนแข้งใหม่ที่ย้อยไซด์มา ที่บริเวณจุดโทษซึ่งมีทั้งเคฮิลล์และเฟไลนี่ยืนอยู่แต่ออสมันไม่รู้มาจากไหน โถมมาโขกตัดหน้าบอลแฉลบแนวรับเจ้าถิ่นที่ยืนคุมเส้นเสยเพดานตาข่ายเข้าไปเลย </span><img src="file:///C:/DOCUME%7E1/L3OY_A%7E1/LOCALS%7E1/Temp/moz-screenshot.jpg" alt="" /><br /><img src="file:///C:/DOCUME%7E1/L3OY_A%7E1/LOCALS%7E1/Temp/moz-screenshot-1.jpg" alt="" /><br /><span style="font-size: 18px; line-height: normal;"> <br /><span style="color: green;"><span style="font-weight: bold;">กัลลาส์ดันสูง</span></span><br />พอโดนนำตอนนี้อาร์เซนอลไล่บดจนกลายเป็นบอลวันเวย์แล้วและนาที 22 ลูกทีมอาร์แซน เวนเกอร์เกือบตีเสมอหลังดิยาบี้หยอดบอลข้ามหัวกองหลังแล้วกัลลาส์ที่เติมมา ช่วยเกมรุกวิ่งมาถึงเส้นหลังจะกระดกให้ข้ามฮาวเวิร์ดแต่จังหวะไม่ดีถูกฮาวเวิร์ดเบียดล้มลงแล้วเบนส์เคลียร์ทิ้งทัน<br /><br /></span><span style="font-size: 18px; line-height: normal;"><span style="color: green;"><span style="font-weight: bold;">ปืนเฮงตีเสมอ 1-1</span></span><br />แต่แล้วอีก 5 นาทีต่อมา"ปืนใหญ่"ตามตีเสมอจนได้จากลูกที่เอฟเวอร์ตันเคลียร์แล้วไม่พ้น ปล่อยให้อาร์ชาวินเก็บตกแล้วดีดให้ดูดู้ตรงเส้นเขตโทษแล้วหอกโครแอทป้ายคืน ให้เดนิลสันยิงไกลจากระยะ 25 หลาบอลไปแฉลบไฮติงก้าเปลี่ยนทางค่อยๆกลิ้งตรงกลางประตูผ่านฮาวเวิร์ดที่ทิ้ง ตัวไปแล้ว<br /><br /><span style="color: green;"><span style="font-weight: bold;">ท๊อฟฟี่สวนเกือบนำ</span></span><br />อาร์เซนอลบุกเพลินๆก่อนหมดเวลา 10 นาทีเกือบโดนนำอีกหนหลังเนวิลล์เปิดบอลจากปีกขวาให้เคฮิลล์ที่โขกตั้งจากเสา สองมากลางประตูโดยที่อัลมูเนียหลุดตำแหน่งแล้วแต่บอลไปไม่ถึงโดโนแวนเลยถูก เคลียร์ทิ้งทัน<br /><br /></span><span style="font-size: 18px; line-height: normal;"><span style="color: darkred;"><span style="font-weight: bold;">ครึ่งหลัง</span></span><br /><br />เกมครึ่งหลังเหมือนผู้กำกับสั่งบทมากันเลยทีเดียวเพราะอาร์เซนอลปูระเบิดนา ปาล์มเข้าใส่"ท๊อฟฟี่"แบบข้างเดียวและเป็นการสู้กันของเกมรุกและรับท่ามกลาง หิมะที่ตกลงมาหนามากขึ้น<br /><br /><span style="color: green;"><span style="font-weight: bold;">เอฟเวอร์ตันสวนได้ลุ้น</span></span><br />โดโนแวนถูกยืมมาแค่สองเดือนครึ่งน่าจะช่วยอะไรเอฟเวอร์ตันได้เยอะเพราะ เทคนิคดีเก็บบอลได้และนาที 52 พาตราโอเร่ทัวร์เข้าถึงริมกรอบเขตโทษแล้วจะเปิดเข้าในติดบล็อกก่อนมาเก็บตก ปั่นไซด์ไปเสาสองแต่ลึกเกินไปเพื่อนเข้าไม่ถึง<br /><br /><span style="color: green;"><span style="font-weight: bold;">ทีมเยือนอุดแหลก</span></span><br />ตอนนี้ทุกๆครั้งที่แข้ง"ปืนใหญ่"พาบอลมาถึงหน้าเขตโทษจะเจอกำแพงเรียง เป็นตับหาทางเจาะลำบากมากเรียกว่าขนาดจังหวะโอเพ่น เพลย์ปกติกัลลาส์<img src="http://i.dailymail.co.uk/i/pix/2010/01/09/article-1241904-07CE9C58000005DC-752_468x294.jpg" vspace="5" align="left" border="0" hspace="10" />กับเฟอร์มาเลนยังมาแจมด้วยส่วนทีมเยือนเฟไลนี่แทบจะเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟอีกคนเลยด้วยซ้ำ<br /><br /><span style="color: green;"><span style="font-weight: bold;">ซาฮาพลาดอีกแล้ว</span></span><br />หลังรับอยู่นานนาที 62 ซาฮาหลุดมาหน้าเขตโทษก่อนลากเข้าซ้ายแล้วส่องยิงตรงหัวกระโหลกบอลแฉลบขากัลลาส์เฉียดเสานิดเดียว<br /><br /><span style="color: green;"><span style="font-weight: bold;">แป้งเกือบฮีโร่</span></span><br />อีก 5 นาทีต่อมาอาร์เซนอลหวิดตีเสมอสุดๆหลังซาญ่าเปิดบอลจากปีกขวาย้อยน่ากลัวให้ โรซิคกี้พุ่งโขกจะตัดหน้าฮาวเวิร์ดแต่วืดทั้งคู่แถมอาร์ชาวินที่วันนี้เล่น ไม่ออกเพราะเจอพิษหิมะสไลด์เก็บตกวืดอีก<br /><br /><span style="color: green;"><span style="font-weight: bold;">ปืนบ้าเลือดน่าขึ้นนำ</span></span><br />ตอนนี้เจ้าถิ่นปรับหมากมาใช้การเปิดบอลจากริมเส้นโดยใช้วิงแบ็คสองข้าง และเริ่มได้ผลเพราะแนวรับเอฟเวอร์ตันชักป่วนและนาที 71 ได้เตะมุมบอลย้อยมานอกกรอบให้เดนิลสันจับลงแล้วตะบันแต่ติดบล็อกบิลยาเลตดิน อฟตัวสำรองข้ามคานนิดเดียว<br /><br />จากจังหวะเตะมุมอีกหนคราวนี้เฟอร์มาเลนเก็บตกแล้วตะบันด้วยอีซ้าย จากระยะ 7-8 หลาแต่ติดบล็อกเหลือเชื่อ นี่ถ้าไม่ติดบล็อกตาข่ายขาดแน่นอน<br /><br /><span style="color: green;"><span style="font-weight: bold;">สนามชักไม่ไหว</span></span><br />สนามเละเข้าบอลกันเดือด<br />เกมระอุแล้วเพราะหิมะปกคลุมพื้นสนามจนกลายเป็นสีขาวเขียวทำให้เกมยิ่งเล่นยากเข้าไปอีกการเข้าปะทะ 50-50 ก็เริ่มมีมากขึ้นเช่นกัน<br /><br /><span style="color: green;"><span style="font-weight: bold;">พีนาร์หลุดเดี่ยว</span></span><br />แต่แล้วนาทีต่อมา"ปืนใหญ่"ช็อกทั้งสนามหลังอาร์เซนอลบุกทั้งทีมเลยครึ่ง สนามมาหมดทำให้สวนกลับเคฮิลล์ได้บอลในแดนตัวเองแล้วมีสองผู้เล่นเจ้าถิ่น มารุมแต่แข้งทีมชาติออสเตรเลียโคตรเก๋าดึงจังหวะให้พีนาร์วิ่งทำทางทะลุมา เดี่ยวเลยจ่ายตัดให้เพื่อนรักกระชากโล่งโคตรๆจากกลางสนามเลี้ยงระมัดระวัง เพราะสนามลื่นก่อนดวลกับอัลมูเนียและใช้กดปุ่มแบบวินนิ่งภาคเก่าชิพข้ามมือ บอลค่อยๆกลิ้งเข้าไปสุดเทพ<br /><br /><span style="color: green;"><span style="font-weight: bold;">เขี่ยปุ๊บปืนเกือบโดนเม็ด 3</span></span><br />บอลเขี่ยได้ไม่นานอาร์เซนอลเกือบโดนลูกสามอย่างรวดเร็วเมื่อเดนิลสัน เลี้ยงบอลอยู่กลางสนามดีๆแล้วทิ้งตัวล้มเพราะเจ็บขาแต่เอฟเวอร์ตันไม่หยุด เป็นเคฮิลล์แทงทะลุให้วอห์นหลุดเข้าไปถึงหน้าเขตโทษแต่ตอนยิงติดบล็อกอัลมู เนียที่ปรี่ออกมาปิดมุมเร็ว<br /><br /><span style="color: green;"><span style="font-weight: bold;">แป้งตีเสมอทดเจ็บ</span></span><br />เกมทำท่าจะจจบเห่แต่แล้วทดเจ็บนาทีที่ 2 อาร์เซนอลมาตีเสมอได้จากจังหวะที่ดิยาบี้ลากตรงหน้าเขตโทษแล้วดึงฝูงแข้งทีม เยือนมาหาแล้วป้ายเบาๆให้โรซิคกี้วิ่งมาฉีดยายิงแฉลบขานีลล์ที่สไลด์บล็อก บอลข้ามตัวฮาวเวิร์ดที่ทิ้งตัวเซฟเข้าไปง่าย<br /><br />หมดเวลาอาร์เซนอลโหมบุกไม่ทันการณ์ยังดีตีเสมอไม่แพ้คาบ้านแต่ก็ทำให้ต้อง ตามหลังเชลซี 3 แต้มและเตะเท่ากันแล้วส่วนเอฟเวอร์ตันยังไม่แพ้ใคร 6 นัดติดรังอันดับ 12 เท่าเดิม<br /><br /><span style="color: blue;"><span style="font-weight: bold;">รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม<br /><br />อาร์เซนอล : </span></span>มานูเอล อัลมูเนีย 6,บาคารี่ ซาญ่า 6.5<img src="http://www.sportinglife.com/football/live_match/images/yellow.gif" border="0" />, วิลเลี่ยม กัลลาส์ 6,โธมัส เฟอร์มาเลน 6.5,อาร์มันด์ ตราโอเร่ 5.5,เดนิลสัน 7(เมริด้า น.84),วาซิริกิ ดิยาบี้ 6.5,อารอน แรมซีย์ 5.5(โรซิคกี้ น.65,6),ซาเมียร์ นาสรี่ 6,เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา 6.5(เบล่า น.75,6),อังเดร อาร์ชาวิน 6.5<br /><br /><span style="color: blue;"><span style="font-weight: bold;">เอฟเวอร์ตัน :</span></span> ทิม ฮาวเวิร์ด 6.5,ฟิล เนวิลล์ 7.5,ลูคัส นีลล์ .5,จอห์นนี่ ไฮติงกา 7.5,เลจตัน เบนส์ 7,ลีออน ออสมัน 7,ทิม เคฮิลล์ 7.5,มารูยาน เฟไลนี่ 7.5,สตีเฟ่น พีนาร์ 7.5<img src="http://www.sportinglife.com/football/live_match/images/yellow.gif" border="0" />,<span style="color: red;"><span style="font-weight: bold;">แลนดอน โดโนแวน 8*</span></span> (บิลยาเล็ตดินอฟ น.69,6.5),หลุยส์ ซาฮา 6.5(วอห์น น.74,5.5)</span>kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-47821161006286143022010-01-06T09:58:00.000-08:002010-01-09T22:12:38.913-08:00+++รองฝูงเป็นหมัน!ปืน-โบลตันเจอโรคเลื่อน<div style="text-align: center;"><span style="line-height: normal;font-size:18;" ><img src="http://i.dailymail.co.uk/i/pix/2010/01/06/article-1241063-07C67D6D000005DC-490_468x302.jpg" border="0" /></span><br /></div><span style="line-height: normal;font-size:18;" ><br /><br /><br /><br />ความฝันขึ้นรองจ่าฝูง ไล่บี้เชลซีเหลือแต้มเดียวของขุนพลเดอะกันเนอร์สต้องฝันเปียกหลังเจอโรค เลื่อนที่กำลังระบาดหนัดจากพิษหิมะถล่มทั่วประเทศอังกฤษ<br /><br />แมทช์อาร์เซนอล พบ โบลตันเป็นโปรแกรมล่าสุดที่ต้องเลื่อนออกไปหลังสภาพอากาศในอังกฤษเลวร้ายสุด ขีดโดยสนามเอมิเรสต์ สเตเดียมสามารถทำการแข่งขันได้เนื่องจากมีเครื่องระบายความร้อนอย่างดีแต่ รอบๆสนามมีหิมะหนาปกคลุมและการเดินทางตามถนนเป็นไปอย่างลำบากและอันตรายซึ่ง เป็นเหตุผลเดียวกันกับที่รายการคาร์ลิ่ง คัพรอบรองชนะเลิศต้องเลือกออกไปทั้งสองคู่<br /><br />"แม้ว่าได้พยายามทำทุกๆอย่างเพื่อให้เกมพบโบลตันในคืนวันพุธทำการแข่ง ขันไปได้การเปลี่ยนแปลงต่อสภาพอากาศอันเลวร้ายที่กระทันหันและคาดเดาไม่ได้ ในย่านไฮบิวรี่ทำให้เราไม่มีทางเลือกนอกจากเลื่อนการแข่งขันออกไป"อาร์เซนอ ลแถลงผ่านเวบไซต์<br /><br />"เราอภัยสำหรับความไม่สะดวกที่ว่านี้เอาไว้ได้และขอกล่าวว่าไม่ใช่การ ตัดสินใจแบบขอไปที ความปลอดภัยของแฟนบอลและการเดินทางเป็นปัจจัยสำคัญต่อความคิดของเรา"<br /><br />"สโมสรจะประกาศวันที่ทำการแข่งขันใหม่และตั๋วทุกใบจะถูกนำเอาใช้ได้ในโปรแกรมใหม่"<br /><br />สำหรับอาร์เซนอลอยากลงเล่นเกมนี้อย่างที่สุดเพราะหากพวกเขาชนะจะไล่เชล ซีเข้ามาเหลือแต้มเดียวคือจาก 41 เป็น 44 แต้มแซงหน้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดขึ้นมาอยู่รองจ่าฝูงแทน<br /><br /></span><a href="http://image.ohozaa.com/show.php?id=e73217b2dd72baf9e1bedaa3dfa8d644" target="_blank" class="postlink"><img src="http://image.ohozaa.com/i3/3clip_6.jpg" border="0" /></a>kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-80763941452460472232010-01-05T09:17:00.000-08:002010-01-09T22:13:13.413-08:00+++ของเค้าดีจริง!ปืนโดนก่อนพลิกแซง 2-1<div style="text-align: center;"><div style="text-align: left;"><span class="newstext"><center><img src="http://i.dailymail.co.uk/i/pix/2010/01/03/article-1240314-07BFEF2D000005DC-870_468x301.jpg" /></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >"ปืนใหญ่"อาร์เซนอลเกือบจองตั๋วไปเที่ยวนรกพร้อมแมน เชสเตอร์ ยูไนเต็ดในวันเดียวกันหลังถูกเวสต์แฮมพลิกนำก่อนจนมาเร่งยิง ช่วง 12 นาทีสุดท้าย 2 เม็ดแซงเอาชนะ 2-1 เข้ารอบ 4 เอฟเอ คัพหืดปูดคอ </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >เอฟเอ คัพ รอบสาม </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2553 </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >เวสต์แฮม 1-2 อาร์เซนอล </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >ประตู : 1-0 เดียมันติ น.45+1,1-1 แรมซีย์ น.78,1-2 เอดูอาร์โด้ น.83 </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >ครึ่งแรก </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >เริ่มเกมมาเป็น"ปืนใหญ่"ที่เป็นฝ่ายครองเกมต่อบอลเข้าทำเวสต์แฮมที่ขาดตัวจริงทั้งปัญหาบาดเจ็บและติดโทษแบนมากมาย </span></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" > </span></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >แต่รูปเกมของ"ขุนค้อน"ยังพอไหวสร้างโอกาสได้พอสมควรแต่ยังไม่มีจังหวะยิงสวยๆใดๆเลย </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >มาริด้าส่องเข้ามือ </span></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >นาที 12 ซงลากพาทัวร์มาถึงหน้าเขตโทษแล้วฝากบอกให้ฟราน มาริด้าจับแล้วแต่งยิงไกลบอลพุ่งเลียดเข้ามือกรีน </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >ค้อนยังโงหัวไม่ขึ้น </span></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >เกม ของเจ้าถิ่นยังไม่ค่อยไปถึงแดนหน้าเท่าไหร่เพราะไม่มีตัวพักบอลแกร่งๆอย่าง คาร์ลตัน โคลทำให้ตอนนี้เกมเป็นวันเวย์ของอาร์เซนอลที่มาทั้งซ้ายและขวา หาก เป็นแบบนี้เรื่อยๆคงเท่ากับรอวันเสียประตูแน่นอน </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >ดูดู้ส้มหล่น </span></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >นาที 18 ทอม กินส์ไม่รู้คิดอะไรถึงจ่ายบอลหน้าเขตโทษไปเข้าอกดูดู้ที่ส่องด้วยอีซ้ายเลีย ดหน้ากรอบทำให้กรีนต้องล้มตัวปัดออกหลังเสียเตะมุม </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >เดียมันติลักไก่เกือบนำ </span></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >นาที 27 เวสต์ แฮมที่นานๆมาทีเกือบเฮจากจังหวะที่เดียมันติยึกยักตรงริมกรอบโทษฝั่งขวาก่อน ปั่นไซด์เหมือนจะส่งแต่หลอกยิงร้อนถึงฟาเบียงสกี้ต้องบินปัดมือเดียวออกหลัง ไปก่อน </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >เฟอร์มาเลนทำเสียว </span></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >อีก 3 นาทีต่อมาอาร์เซนอลได้เตะมุมกรีนออกมาปัดแล้วเข้าทางเฟอมาเลนเอี้ยวตัววอลเลย์สวนบอลข้ามคานออกไปเยอะเลย </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >เบล่าแยกเขี้ยวยิง </span></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >ก่อน หมดเวลา 5 นาทีเบล่าหอกแวมไพร์กระชากหลุดเข้าเขตโทษโดยมีตัวประกบตามมาเลย ต้องเร่งยิงด้วยอีซ้ายแต่กรีนล้มตัวรับข้างเสาเนียนกันไป </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >ปืนช็อกค้อนนำ 1-0 </span></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >อาร์ เซนอลไม่ได้ประตูก็เคืองพออยู่แล้วแต่ทดเจ็บมาโดนเวสต์แฮมซัดหน้าตาเฉยหลัง โควัคจ่ายบอลทะลุให้เดียมันติที่ยืนเหลื่อมๆว่าจะล้ำหรือไม่ล้ำโดยที่ซิ ลแวสตร์พยายามดันเพื่อเช็กออฟแต่เดียมันติไม่สนลากเข้าไปล่อเป้ากับฟาเบียส กี้แล้วยังมีเวลาหันไปมองไลน์แมนจนสุดท้ายพามาถึงตรงบริเวณจุดโทษแล้วเอี้ยว ตัวจะยิงมุมไกลก่อนหลอกซัดอีกมุมฟาเบียงสกี้อ่านหน้าเท้าพุ่งปัดโดยนิดนึง บอลเบียดเสาเข้าไปสุดเสียว หมดครึ่งแรก"ขุนค้อน"พลิกนำ 1-0 </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >ครึ่งหลัง </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >ค้อนเริ่มต้นก็ดุเลย </span></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >เริ่มเกมมาเจ้าถิ่นมาแบบมั่นใจอย่างเห็นได้ชัดและสตานิสลาสลากขึ้นมาแล้วส่องยิงหน้าเขตโทษแต่ฟาเบียงสกี้บินปัดออกข้างเสานิดเดียว </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >ปืนเผาโอกาส </span></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >อาร์ เซนอลออกแนวแบบเดิมอีกแล้วคือโอกาสมีต่อบอลก็เรื่อยๆแต่พอถึงคราวต้องจบ สกอร์กลับทำเสียของไปหมดโดยนาที 58 แรมซีย์ได้บอลจากเพื่อนตรงหน้ากรอบเขต โทษก่อนเอี้ยวตัวปั่นไซด์แต่ช้อนใต้ลูกเลยข้ามคานอย่างน่าเสียดาย </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >ดิยาบี้ยิง-ซงซ้ำยังไม่เข้า </span></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >นาที 72 ทีม เยือนชวดตีเสมอเหลือเชื่อหลังดูดู้ทำชิ่งกับซงก่อนแทงทะลุให้ดิยาบี้หลุด เข้าเขตโทษไปล่อเป้ากรีนแต่ตอนเอี้ยวตัวยิงให้ลอดแขนกลับติดบล็อกแล้วจังหวะ ซ้ำของซงก็ยังเป็นกรีนที่ยกมือบล็อกออกหลังอีก </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >แรมซีย์จุติซัดเสมอ 1-1 </span></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >อย่าง ไรก็ตามนาที 78 อาร์เซนอลมาตีเสมอจนได้จากจังหวะที่ซงได้บอลหน้าเขตโทษที่มี กองหลังเวสต์แฮมขึงเต็มไปหมดแล้วไม่รู้จะทำยังไงเลยฝากบอลให้เบล่าที่มีตัว ประกบยืนรายล้อมในกรอบไปหมดแถมยังเสียหลักล้มแต่ก็ยังอุตสาห์เขี่ยบอลให้แรม ซิย์หนีล้ำหน้าเข้าไปพลิกตัวยิงด้วยอีซ้ายเสียบหน้าต่างตีเสมอสวยงาม </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >ค้อนตะลึงปืนนำเฉย!! </span></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >ตี เสมอได้ไม่นาน"ปืนใหญ่"พลิกนำอยางรวดเร็วในอีก 5 นาทีต่อมาเมื่อเบล่าไปรับ บอลจากซงตรงริมเส้นแล้วเปิดครอสวัดดวให้ดูดู้ชิงโขกเหนืออัพสันแล้วระยะไกล พอสมควรแต่บอลย้อยยัดเข้าสามเหลี่ยมกรีนพุ่งปัดโดยปลายนิ้วบอลเข้าไปตุง ตาข่าย ถือว่าเสียหายหลายแสนเพราะในกรอบมีดูดู้คนเดียวและรายล้อมไปด้วยแข้ง เจ้าถิ่น 4-5 คนเลยทีเดียว </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >ดูดู้ติดใจ </span></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >ตอนนี้ไปๆมาๆกลายเป็น อาร์เซนอลที่เล่นงานเจ้าถิ่นด้วยลูกหัวและก่อนหมดเวลา 3 นาทีดูดู้โถมมาโขก ลูกเตะมุมเต็มกบาลเฉี่ยวคานแบบน่าเข้าสุดๆ </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >แรมซีย์ชวดเบิ้ล </span></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >ทดเจ็บนาทีที่ 3 แรมซีย์เกือบบวกเม็ดสองให้ตัวเองหลังหลุดเข้าไปล้มตัวยิงในเขตโทษมุมแคบแต่กรีนออกมาบล็อกทั้งตัว </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >หมด เวลาอาร์เซนอลบุกมาเอาชนะเวสต์แฮมเข้ารอบ 4 เอฟเอ คัพและมีคิวเตะโบลตันนัด ตกค้างในวันพุธซึ่งหากเอาชนะได้จะจี้เชลซีเข้ามาเหลือแต้มเดียวทันที </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >เวสต์ แฮม : โรเบิร์ต กรีน 7,ชูแล็ง โฟแบร์ 6,เจมส์ ทอมกินส์ 6,แมทธิว อัพสัน 7, ฟาบิโอ ดาเปรล่า 6,วาลอน เบาห์รามี่ 6,หลุยส์ ฆิมิเนส 6,ราโดสลาฟ โควัค 7, อเลสซานโดร เดียมันติ 8,จูเนียร์ สตานิสลาส 6(เอ็ดการ์ น.87),แฟร็งค์ นู เบิ้ล 6(เซียร์ส น.79) </span></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center><span style="font-weight: bold;font-family:arial;font-size:100%;" class="newstext" >อาร์เซนอล : ลูคัส ฟาเบียงสกี้ 7,บาคารี่ ซา ญ่า 6,โธมัส เฟอร์มาเลน 6,วิลเลี่ยม กัลลาส์ 7,มิกาเอล ซิลแวสตร์ 6,อเล็ก ซานเดอร์ ซง 8 *,อารอน แรมซีย์ 7,ฟราน เมริด้า 6(นาสรี่ น.65.6),แจ็ค วิ ลเชียร์ 6(ดิยาบี้ น.65.7),คาร์ลอส เบล่า 6,เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา 7</span></center></span><br /></div><span class="newstext"><center></center></span><br /><span class="newstext"><center></center></span></div>kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-41901282115056255162009-12-30T10:53:00.000-08:002010-01-09T22:13:37.697-08:00+++เวนเกอร์บอกไม่คิดจะคว้าแข้งเรือ<span class="Apple-style-span" style="color: rgb(230, 230, 230);font-family:Tahoma;font-size:18;" ><span class="Apple-style-span" style="font-size:medium;"><b><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(0, 0, 0);"><div><span class="Apple-style-span" style="font-weight: normal; color: rgb(230, 230, 230);font-size:18;" ><img src="http://i.dailymail.co.uk/i/pix/2009/12/30/article-1239394-07A85500000005DC-488_468x286.jpg" /></span></div><div><br /></div>อาร์เซน เวนเกอร์ ออกมายอมรับว่าเขาอยากจะคว้าตัว เกร็ก เบลลามี่ มาร่วมทีม แต่ก็ยอมรับอีกว่า เขาจะไม่คว้าตัวนักเตะที่มาจาก แมนฯ ซิตี้<br /><br />อาร์เซนอล กำลังเข้าสู่ตลาดนักเตะ หลังจากที่ทีมประสบปัญหานักเตะเดี้ยงระนาว โดยเฉพาะการขาดกองหน้าตัวหลักอย่าง เพอร์ซี่ย์ และยังต้องเสีย เบนท์เนอร์ กองหน้าสำรองไปอีกคน<br /><br />"ผมชอบ เบลลามี่นะ แต่ผมก็จะไม่จดจ่ออยู่กับเขาหรอก เพราะผมก็ไม่คิดว่าเราจะซื้อนักเตะที่มาจาก แมนฯ ซิตี้" เวนเกอร์กล่าว<br /><br /></span></b></span><span class="Apple-style-span" style="color: rgb(0, 0, 0);">เบลลามี่ ยิงประตูให้กับ แมนฯ ซิตี้ ไปแล้ว 6 ประตูในฤดูกาล</span>นี้ </span>kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-60135765067737631132009-12-29T09:09:00.000-08:002009-12-29T09:16:22.264-08:00เวนเกอร์เชื่อฟอร์มคงเส้นปืนมีลุ้นแชมป์ลีก<span class="Apple-style-span" style="font-family: Tahoma; color: rgb(230, 230, 230); font-size: 18px; -webkit-border-horizontal-spacing: 3px; -webkit-border-vertical-spacing: 3px; "><center><img src="http://www.siamsport.co.th/_ImagesNews/B091229A6S1049.jpg" /></center><br /><br /><b><span class="Apple-style-span" style="color:#000000;">อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล มั่นใจหากลูกทีมของเขารักษาฟอร์มคงเส้นคงวาเอาไว้ได้จนถึงเดือนมีนาคม โอกาสที่จะผงาดคว้าแชมป์ลีก ในฤดูกาลนี้จะมีสูงมากทีเดียว<br /><br />อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศสของ อาร์เซน่อล สโมสรฟอร์มแรงแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่าหากลูกทีมของเขารักษามาตรฐาน และการเล่นอย่างคงเส้นคงวาไปจนกระทั่งเดือนมีนาคม พวกเขามีโอกาสที่จะครองแชมป์ลีกสมัยแรกนับตั้งแต่ปี 2004<br /><br />เวนเกอร์ ที่เป็นคนเดียวที่นำพลพรรค "เดอะ กันเนอร์ส" ครองแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัยที่ผ่านมา ให้ความเห็นว่า "ตอนนี้มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เราอยู่ในอันดับที่แข็งแกร่ง เรามีความเชื่อมั่น แต่หนทางมันยังอีกยาวไกล และเราต้องไม่ประมาท รวมทั้งมีการพัฒนาฟอร์มการเล่นร่วมกันอย่างต่อไป"<br /><br />ขณะเดียวกัน อดีตโค้ชโมนาโก ยอมรับว่ารู้สึกแปลกใจกับฟอร์มสะดุดของ เชลซี ในช่วงเวลานี้ และเชื่อว่าหากพวกเขาเล่นได้ยอดเยี่ยมแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนถึงเดือนมี.ค. ก็มีสิทธิ์คว้าแชมป์ลีกได้ "ใช่ ผมแปลกใจ ผมสามารถพูดได้ว่าเราจะชนะทุกเกม แต่คุณไม่สามารถคาดเดาได้ว่าคู่แข่งของเราจะทำแต้มหลุดมือกี่แต้ม"<br /><br />"หลังจากเกมของ เชลซี ผมพูดได้เลยว่าโอกาสมันเปิด เมื่อพวกเขาทำแต้มหลุดมือ นั่นเป็นสิ่งที่ผมเห็น และพวกเขาทำไปแล้ว แต่พวกเขาจะทำแต้มหลุดมือกี่แต้มผมไม่รู้ ผมก็แค่คิดว่าตอนนี้โอกาสคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มันเปิดกว้างมาก เราต้องไปเยือน พอร์ทสมัธ วันพุธนี้ และคุณรู้ว่ามันคงเป็นเกมที่ยากลำบาก"<br /><br />"สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงลีกในฤดูกาลนี้ ก็คือทุกทีมได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ คุณเห็น เบอร์มิงแฮม เล่นกับ เชลซี แล้ว (เสมอ 0-0) มันก็เหมือนกันที่อื่นๆ มันไม่ใช่แค่คุณไปเยือน ลงสนาม และคว้า 3 แต้ม เมื่อผ่านไปจนถึงเดือนมีนาคม หลังจากนั้นคงมีบางทีมที่ปลอดภัย หรือไม่ได้ไปเล่นในฟุตบอลถ้วยยุโรป และคุณก็สามารถคว้าแต้มได้สบายๆ แต่ตั้งแต่ตอนนี้จะกระทั่งมีนาคมทีมต้องมีความคงเส้นคงวาถึงจะคว้าแชมป์ลีกได้"<br /><br /><br /><br /></span></b>ข้อมูลจาก www.siamsport.co.th</span>kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-36590418829280354572009-12-28T09:04:00.000-08:002009-12-28T09:05:01.736-08:00เหี่ยวสะใจอุดปากนักวิจารณ์เงียบกริบ<span style="LINE-HEIGHT: normal; FONT-SIZE: 18px"> อาร์แซน เวนเกอร์ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อลยอมรับว่าเขาดีใจ ที่ไม่เคยละทิ้งความเชื่อว่าทีมของเขาจะกลับมามีลุ้นแชมป์กับทีมอื่นๆได้ โดยบรรดานักวิจารณ์ต่างพากันกาชื่ออาร์เซนอลทิ้งหลังพ่ายให้กับเชลซีคาบ้าน 3-0<br /><br />4 สัปดาห์ถัดมาหลังเกมส์ที่อาร์เซนอลพ่ายเชลซี เวนเกอร์สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำแล้วว่าทีมของเขามีลุ้นแชมป์เต็มตัว โดยในตอนนี้พวกเขามีแต้มห่างเชลซีจ่าฝูง 4 คะแนนและยังเหลอเกมส์ตกค้างกับโบลตันอีก 1 เกมส์ในวันที่ 6 มกราคม<br /><br />เวนเกอร์ให้สัมภาษณ์หลังเกมส์เปิดบ้านถล่มแอสตัน วิลล่า 3-0<br /><span style="LINE-HEIGHT: normal; FONT-SIZE: 18px"><img border="0" hspace="10" vspace="5" align="right" src="http://img.thesun.co.uk/multimedia/archive/00955/wenger2_280x390_955446a.jpg" width="211" height="306" /></span><br />"ผลการแข่งขันวันนี้เป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับทีม"<br /><br />"หากคุณมองย้อนกลับไปในตำแหน่งที่เราเคยอยู่หลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้ การมาสุดจุดนี้ต้องให้เครดิตกับนักเตะ พวกเขาไม่เคยยอมแพ้ แม้ทุกๆคนจะพากันกาชื่อเราทิ้ง"<br /><br />"เรายังคงก้าวต่อไป และแสดงให้เห็นว่าพวกเราแข็งแกร่งแค่ไหน บางทีจุดเปลี่ยนสำคัญคือการที่เราเอาชนะลิเวอร์พูลได้ 2-1"<br /><br />"หลังจบเกมส์พ่ายเชลซี ผมบอกให้พวกเขาคงไว้ซึ่งความเชื่อและความปรารถนา"<br /><br />"ผมเชื่อว่าทีมทีมนี้มีพรสวรรค์ กระหายชัยชนะ และมีจิตวิญญาณนักสู้ สำหรับผมแล้วพวกเขาสมควรได้รับความสำเร็จ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มี"<br /><br />"มันน่าสนใจจริงๆตอนนี้ เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีมากๆ"<br /><br />"เราสามารถเชื่อมั่นได้ แต่หนทางมันยังอีกไกล และเราต้องรักษาการเดินทางที่ดีแบบนี้ไว้และพยายามพัฒนาให้มากขึ้น"</span>kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-52928089750041398542009-12-28T05:17:00.000-08:002009-12-28T05:21:08.143-08:00จบข่าว!ถีบจักรยันเองไม่ย้ายไปไหน<span style="LINE-HEIGHT: normal; FONT-SIZE: 18px"><br /><img style="WIDTH: 282px; HEIGHT: 266px" border="0" hspace="10" vspace="5" align="right" src="http://i.media.goal.com/g/56449.jpg" width="282" height="375" /> เคร็ก เบลลามี่ออกมาสยบข่าวลือการย้ายทีมของเขาโดยยืนกรานว่าอยากอยู่เล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ต่อไปหลังมีข่าวว่าเขาไม่ลงรอยกับโรแบร์โต้ มันชินี่ผู้จัดการทีมคนใหม่<br /><br />เบลลามี่ซึ่งเป็นศิษย์รักของฮิวจส์ ถูกสื่อตีประเด็นที่เขาเป็นแกนนำบรรดาแข้งซีเนียร์ 6 คนก่อหวอดกับทางสโมสรหลังสโมสรตัดสินใจปลดมาร์ค ฮิวจส์ อย่างไรก็ตามหัวหอกวัย 30 ปีเผยว่าอนาคตของเขาจะอยู่กับทีมเรือใบต่อไป<br /><br />"ผมอยากจะอยู่ที่นี่ และผมจะอยู่ที่นี่"<br /><br />"หน้าที่ของผมคือการลงเล่นให้กับซิตี้ ตอนที่พวกเขาจะเซ็นสัญญากับผม ผมถูกยกบทบาทให้เป็นกำลังสำคัญ"<br /><br />นอกจากนี้เบลลามี่ยังราดน้ำเย็นใส่กองไฟ โดยบอกว่าเขาไม่มีปัญหาใดๆทังสิ้นกับมันโช่<br /><br />"ผมไม่มีปัญหาอะไรเลยกับมันชินี่"<br /><br />"มันไม่ใช่ปัญหาของเขาที่เขาต้องมาอยู่ที่นี่ อะไรที่เกิดขึ้นกับฮิวจส์ไม่เกี่ยวกับเขา"<br /><br />"ผมหวังว่ามันโช่จะอยู่ที่นี่อีกยาวนานนะ เพราะส่วนหนึ่งของความสำเร็จผมเชื่อว่าเราต้องมีความคงที่ ผมหวังว่าเขาจะมีเวลาหลายปีในการทำทีม และตราบใดที่ผมอยู่ที่นี่ ผมจะทุ่มเทเต็มที่เพื่อเขา"</span>kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-54334462604436092312009-12-28T05:06:00.000-08:002009-12-28T05:08:15.247-08:00ลือเหี่ยวเตรียมช็อคแฟนบอลดึงตัวถีบจักร<span style="LINE-HEIGHT: normal; FONT-SIZE: 18px"><img border="0" hspace="10" vspace="5" align="right" src="http://i.dailymail.co.uk/i/pix/2009/12/27/article-0-07B44392000005DC-133_468x286.jpg" /> อาร์แซน เวนเกอร์เตรียมทำเซอร์ไพรส์โดยเขาตกเป็นข่าวให้ความสนใจกับเคร็ก เบลลามี่กองหน้าความเร็วสูงของแมนเชสเตอร์ ซิตี้<br /><br />กองหน้าวัย 30 ปีของแมนฯ ซิตี้กำลังมีสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของเขาหลังจากทางสโมสรได้ทำการปลดมาร์ค ฮิวจส์ที่เป็นผู้คว้าตัวเขาร่วมทีม โดยมีรายงานระบุว่าเบลลามี่ได้ทำการขอขึ้นบัญชีย้ายทีมในค่ำคืนที่ผ่านมา<br /><br />เบลลามี่ถูกดร็อปเป็นตัวสำรองเพื่อหลีกทางให้กับโรบินโญ่ ในเกมส์แรกของโรแบร์โต้ มันชินี่ที่เปิดบ้านเอาชนะสโต็ค 2-0<br /><br />เวนเกอร์กำลังพิจารณาหาตัวเลือกในแดนหน้าหลังอาการบาดเจ็บของกองหน้าตัวเป้าทั้งโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์และนิกคลาส เบนท์เนอร์<br /><br />"เคร็กเป็นนักสู้ และเป็นสิ่งที่อาร์เซนอลต้องการ" โค้ชคนสนิทของเบลลามี่เผย</span>kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-24508145622950405172009-12-27T20:37:00.000-08:002009-12-27T20:38:08.187-08:00ปืนเตรียมทุน 20 ล้านล่าหน้า 1-หลัง 1 ช่วงปีใหม่<span class="Apple-style-span" style="font-family: Arial; color: rgb(85, 85, 85); font-size: 15px; line-height: 16px; "><span style="font-size: 18px; line-height: normal; ">อาร์เซน่อลไม่ปล่อยโอกาสตลาดเปิดให้หลุดลอยด้วยการเตรียมทุน 20 ล้านปอนด์ล่ากองหน้า 1 รายและกองหลัง 1 รายมาเสริมทัพในเดือนมกราคมนี้<br /><img src="http://i.dailymail.co.uk/i/pix/2009/12/26/article-0-067FDF57000005DC-792_468x286.jpg" border="0" hspace="10" vspace="5" align="right" /><br />"ปืนโต" ยังคงมีเงินทุนอยู่ 30 ล้านปอนด์ซึ่งมาจากการขายเอ็มมานูเอล อเดบายอร์และโคโล ตูเร่ไปให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในช่วงซัมเมอร์ และอาจตัดสินใจลงตลาดปีใหม่แม้ว่าอาร์แซน เวนเกอร์เคยเอ่ยมาก่อนหน้านี้ว่าจะไม่รีบหาตัวแทนของโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และนิคลาส เบนท์เนอร์ สองหัวหอกที่บาดเจ็บยาวก็ตามเพราะมีอังเดร อาร์ชาวิน หอกพริกขี้หนูยืนเป็นหน้าตัวเป้าอยู่แล้ว<br /><br />ขณะนี้พลพรรค "ยังกันส์" มีโอกาสสดใสในการไล่บี้ลุ้นแชมป์กับเชลซีหลังเอาชนะแอสตัน วิลล่า 3-0 ทำคะแนนไล่ตามเชลซีเหลือ 4 คะแนนแถมยังแข่งน้อยกว่า 1 นัดด้วย<br /><br />เชื่อกันว่า "น้าเหี่ยว" จะเลือกยื่น 4 ล้านปอนด์เพื่อคว้าตัวมารูยาน ชามัคหอกบอร์กโดซ์เพราะราคาโอเคแต่จะไม่บ้าจี้ยื่น 35 ล้านปอนด์เพื่อล่าตัวเอดิน เซโก้แน่</span> </span>kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-19830361204291309062009-12-27T19:16:00.000-08:002009-12-27T19:48:24.404-08:00ซูเปอร์ซับ!เชสก์เหมาสองปืนถล่มวิลล่า 3-0"ปืนใหญ่"อาร์เซนอลกลับมาลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกเต็มตัวอีกหนหลังฟ้าประทานเชสก์ ฟาเบรกัสซูเปอร์ซับเหมาคนเดียวสองประตูเอาชนะแอสตัน วิลล่าเหนือชั้น 3-0 ก่อนไล่บี้เชลซีเข้ามาเหลือ 4 แต้มแถมเตะน้อยกว่าหนึ่งเกมด้วย <br /><br />พรีเมียร์ลีก <br /><br />วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2552 <br /><br />อาร์เซนอล 3-0 แอสตัน วิลล่า <br /><br />ประตู : 1-0 ฟาเบรกัส น.65,0-0 ฟาเบรกัส น.81,3-0 ดิยาบี้ น.90+1 <br /><br />ครึ่งแรก <br /><br />ปืนโคตรดุบุกกระจาย <br />แค่ 2 นาทีอาร์เซนอลได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษเป็นนาสรี่ปั่นเข้าเขตโทษบอลตกมาเสาไกลเป็นโธมัส เฟอร์มาเลนได้ซัดด้วยอีซ้ายเน้นๆแต่ฟรีเดลล์ล้มตัวปัดสุดเหนียว <br /><br />อีก 2 นาทีต่อมาเจ้าถิ่นมาอีกชุดเมื่อเดนิลสันฝากบอลให้ดิยาบี้บังแล้วหมุนตัวควงพลิกสุดยอดแล้วแตะไหลให้เอดูอาร์โด้พลิกยิงในเขตโทษแต่เบาก๋องเข้ามือฟรีเดลล์ เล่นเอาอาร์แซน เวนเกอร์งิ้วออกฉุนสุดๆเพราะลูกทีมเล่นเผาโอกาสตั้งแต่ต้นกันเลยทีเดียว <br /><br />อาร์ชาวินได้ยิง <br />เกมยังเป็นของเจ้าถิ่นเกือบๆจะข้างเดียวและนาทีที่ 12 อาร์ชาวินพลิกบอลในกรอบเขตโทษแล้วหมุนตัวยิงแต่ก็ยังโดนเบาเข้ามือฟรีเดลล์สบาย <br /><br />วิลล่าเกือบเฮก่อน <br />แต่ไม่ถึงนาทีต่อมาวิลล่าสวนกลับเกือบตีเสมอได้หลังยังปั่นยิงในกรอบบอลแฉลบกองหลังข้ามหัวอัลมูเนียที่ทิ้งตัวไปแล้วยังดีบอลเฉี่ยวคานออกหลังเสียแค่เตะมุม <br /><br />ปืนชักหนืด <br />แต่หลังผ่านมา 20 นาทีเศษๆวิลล่าเริ่มจับจังหวะการเล่นของ"ปืนใหญ่"ได้มากขึ้นเรื่อยๆทำให้รูปเกมกลับมาสูสีแต่โดยรวมแล้วยังเป็นลูกทีมเวนเกอร์ที่ได้ครองบอลทำเกมเข้าใส่เช่นเดิม <br /><br />ครึ่งหลัง <br /><br />ยังโดนเหลืองติดแบนเจอหงส์ <br />เล่นมา 10 นาทีแอชลีย์ ยังไม่ระวังตัวไปสไลด์ใส่ซงช้าล้มทั้งยืนเลยเจอใบเหลืองทำให้ติดแบนนัดเจอลิเวอร์พูลในวันอังคารนี้อย่างโชคร้าย <br /><br />ปืนมาเป็นชุด <br />นาที 57 "ปืนใหญ่"น่าขึ้นนำสุดๆหลังลูกเตะมุมเป็นดูดู้โขกเน้นๆตรงระยะ 6-7 หลาติดบล็อกฟรีเดลล์แล้วกัลลาส์ตามมาซ้ำจ่อๆ 2 หลาแต่นายทวารมะกันบล็อกเร็วอีกก่อนที่คูเอญ่าจะมาเคลียร์ทิ้งทันควั <br /><br />อีก 2 นาทีต่อมาอาร์ชาวินไหลบอลให้ดูดู้วิ่งควบไปเอาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายแล้วตวัดตัดเข้าในแต่ติดบล็อกแล้วกองหลังทีมเยือนไม่รู้กันวิ่งข้าม <br /><br />อาร์ชาวินซัดเกือบหาย <br />อีกนาทีเดียวอาร์เซนอลยังชวดโอกาสขึ้นนำไปอีกหลังฟาเบรกัสฝากบอกให้อาร์ชาวินส่องด้วยอีซ้ายเลียดพุ่งเข้ามุมแต่ฟรีเดลล์ล้มตัวปัดแถมดูดู้มาซ้ำไม่ทันเจอเคลียร์ทิ้งซะก่อน <br /><br />เชสก์ปั่นหาย 1-0 <br />แต่แล้วนาที 65 อาร์เซนอลมาขึ้นนำจนได้จากฟรีคิก 25 หลาเป็นเชสก์ปั่นเฉี่ยวหัวกำแพงโค้งเข้ามุมเสียบหน้าต่างผ่านมือฟรีเดลล์ที่พุ่งมาปัดไม่ทัน 1-0 แล้ว <br /><br />ปืนเหนือแล้ว <br />พอโดนเข้าไปทีนี้อาร์เซนอลที่เหนือกว่าอยู่แล้วยิ่งเล่นด้วยความมั่นใจไม่เร่งรีบจนเกมเสียเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้วและแนวรับวิลล่าจะดันก็ไม่กล้าเพราะเวนเกอร์ส่งธีโอ วัลค็อตต์มาป่วนทางปีกขวาอีกคน <br /><br />เชสก์สุดตีนซัดเม็ดสอง <br />วิลล่าที่บุกเพลินๆนาที 81 เจออาร์เซนอลสวนตูมเดียว 2-0 จากจังหวะที่ตราโอเร่วางยาวจากแดนตัวเองให้วัลค็อตต์วิ่งมาเอาตรงกลางสนามแล้วเลี้ยงเอื่อยๆรอให้เชสก์วิ่งทำทางมาถึงหน้าเขตโทษแล้วไหลบอลเข้าเขตโทษให้ยอดกัปตันทีมวิ่งมาแปสวนตัวฟรีเดลล์เข้าไปสุดสวย <br /><br />เหี่ยวเปลี่ยนเชสก์ <br />แต่อีก 3 นาทีต่อมาเชสก์มีอาการเจ็บจนเวนเกอร์ต้องรีบเปลี่ยนออกเพื่อปลอดภัยไว้ก่อนท่ามกลางเสียงปรบมือของแฟนบอลเพราะเป็นการลงมาช่วยทีมที่คุ้มเอามากๆ <br /><br />อักบี้เกือบตีไข่แตก <br />ก่อนหมดเวลา 4 นาทีวิลล่ายังไม่ยอมตายง่ายๆเมื่ออักบอนลาฮาร์ลากตะแคงเข้าในกรอบเขตโทษแล้วยิงติดบล็อกกัลาส์บอลแฉลบข้ามอัลมูเนียที่ปรี่ไปปัดข้างๆเสาก่อนที่อักบี้จะแหย่ยิงเผาขน จังหวะนี้วิ่งชนกันจนจอมหนึบเลือดสเปนเจ็บไปเลย <br /><br />อักบี้เกือบตีไข่แตก <br />ทดเจ็บนาทีแรกอาร์เซนอลมาปิดท้ายลูกสามจากลูกโซโล่เดียวกลางสนามของดิยาบี้มาเรื่อยๆจนถึงหัวกระโหลกแล้วเอี้ยวตัวปั่นยิงหนีดันน์บอลเสียบมุมฟรีเดลล์พุ่งไม่ทัน จบเกม"ปืนใหญ่"สอนบอล 3-0 แซงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นรองจ่าฝูงไล่จี้เชลซีเข้ามาเหลือ 4 แต้มเตะน้อยกว่าหนึ่งเกม <br /><br />รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม <br /><br />อาร์เซนอล : มานูเอล อัลมูเนีย 6,บาคารี่ ซาญ่า 7,วิลเลี่ยม กัลลาส์ 7,โธมัส เฟอร์มาเลน 7,อาร์ม็องค์ ตราโอเร่ 7,อเล็กซานเดอร์ ซง 8,เดนิลสัน 6(ฟาเบรกัส น.57,9 * ,แรมซีย์ น.84),ซาเมียร์ นาสรี่ 7,วาสซิริกิ ดิยาบี้ 7,เอดูอาร์โด้ ดาซิลวา 7(วัลค็อตต์ น.63,8),อังเดร อาร์ชาวิน 7 <br /><br />แอสตัน วิลล่า : แบร๊ด ฟรีเดลล์ 6,ลุค ยัง 5(เดลฟ์ น.76,5 ),ริชาร์ด ดันน์ 7,คาร์ลอส คูเอญาร์ 7,สตีเฟ่น วอร์น็อค 7,แอชลีย์ ยัง 5,สติลิอัน เปตรอฟ 5,เจมส์ มิลเนอร์ 6,สจ๊วต ดาวนิ่ง 7,กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ 7,เอมิล เฮสกีย์ 6(คาริว น.63,6)kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-68846897468896578072009-12-21T15:31:00.002-08:002009-12-21T15:36:23.079-08:00** เส้นทางที่เลือกเดิน....? **<center><span style="font-size:-1;"> <br /><br /><br /><br />ในชีวิตมีหลายทางเลือกให้เลือกเดิน....<br />ถ้าเป็นเธอ...เธอจะเลือกทางไหน??<br /><br />ทางแรก....เป็นทางที่มีผู้คน เพื่อนมากมายแต่กลับ<br />รู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้าง....ไม่มีใครเข้าใจ<br />มีแต่การพูดจาทำร้ายจิตใจ....<br /><br />ถ้าจะเลือกทางแรก อาจมีเหตุผลเพราะว่า...<br />กลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว..กลัวที่ใครจะนินทาว่าเป็น “หมาหัวเน่า...ไม่มีคนคบ”<br />กลัวสิ่งเหล่านี้หรือเปล่า?...<br /><br />ทางที่สอง เป็นทางที่ไม่มีใคร อ้างว้าง...แต่....<br />ภายในใจของเรารู้สึกอบอุ่น...มีความสุข<br />กับการที่ได้เดินในทางที่สอง<br /><br />ถึงแม้ว่า.....<br />ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนมากมาย....มาเดินเคียงข้าง<br />แต่....กลับรู้สึกว่าการที่อยู่ตัวคนเดียว ยังรู้สึกสบายใจ...มีความสุข<br />มากกว่าอยู่กับเพื่อนมากมาย ที่เรารู้สึกว่า เค้าไม่เคยที่จะรักเราเลย.....<br /><br />---------------------------------------------------------------<br />“เลือกที่จะมีความสุข...อย่ากลัวที่จะโดดเดี่ยว....”<br />ตัดสินใจคิดให้ดีว่าจะเลือกทางไหน...<br />ที่มันจะไม่ทำให้เราเสียใจในภายหลัง.....!!<br /><br />---------------------------------------------------------------…</span></center><span style="font-size:-1;"><br /><br /></span><center><span style="font-size:-1;"><img src="http://www.212cafe.com/freewebboard/user_board/khamlungjai/picture/00029_5.gif" /></span></center>kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-48332017087481039912009-12-21T15:29:00.000-08:002009-12-21T15:31:19.311-08:00~~!-สามสิ่ง-!~~<span style="font-size:-1;"><center><img src="http://www.212cafe.com/freewebboard/user_board/khamlungjai/picture/00013_8.jpg" /></center><br /><br />สามสิ่ง..ในชีวิตที่ไม่หวนกลับคือ เวลา คำพูดและโอกาส<br />สามสิ่ง..ที่ชีวิตเราจะขาดเสียมิได้คือ ความสงบของจิตใจ ความซื่อสัตย์และความหวัง<br />สามสิ่ง..ที่มีคุณค่าต่อชีวิตคือ ความรัก ความมั่นใจในตัวเองและเพื่อน<br />สามสิ่ง..ที่ไม่แน่นอนคือ ความฝัน ความสำเร็จและโชคชะตา<br />สามสิ่ง..ที่นำไปสู่ความพินาศของคนคือ เหล้า ความเย่อหยิ่งและความโกรธ<br /><br />และ<br />อีกสามสิ่งที่ เป็นจริงเสมอคือ<br />อนิจจํ ความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา<br />ทุกขํ ความดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่<br />อนตฺตา การควบคุมกาลเวลาไม่ได้</span>kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-60993544238571457652009-12-03T04:59:00.000-08:002009-12-03T05:04:18.280-08:00ประวัติส่วนตัว ยืนยง โอภากุล แอ๊ด คาราบาว<span style="font-size:-1;">ยืนยง โอภากุล (แอ๊ด คาราบาว)<br /><br />ยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต เกิดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2497 พื้นเพคนตำบลท่าพี่เลี้ยง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรชายฝาแฝดคนเล็ก ครอบครัวมีอาชีพค้าขายของ ที่ตลาดเมืองสุพรรณบุรี เริ่มต้นการศึกษาในระดับประถมศึกษาโรงเรียนวัดสุวรรณภูมิ ระดับมัธยมที่ โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย จากนั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญก็เกิดขึ้น แอ๊ดตัดสินใจบินเดี่ยวมาพร้อมกับรถส่งไปรษณีย์เพื่อเข้ามาศึกษาต่อระดับ อุดมศึกษาที่อุเทนถวาย และบินไปเรียนต่อระดับปริญญาที่ ประเทิศฟิลิปปินส์ สมัยเรียนร่วมก่อตั้งวงคาราบาวกับกิรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร หรือ เขียวคาราบาวเพื่อนสมัยเรียนที่ฟิลิปปินส์ หลังจากจบการศึกษาแล้ว ได้บินกลับมาเมืองไทยเข้าทำงานในตำแหน่งสถาปนิกที่การเคหะแห่งชาติ เป็นเวลา 5 ปีและมีเล่นดนตรีตอนกลางคืนไปด้วย<br /><br />จากนั้นได้มีโอกาส เข้าไปเป็นโปรดิวเซอร์ให้วงแฮมเมอร์ที่ทำเพลง ประกอบภาพยนตร์เรื่องหมามุ่ยของ พนม นพพร ในสมัยนั้น จากการทำงานดังกล่าวจึงเกิดแรงบันดาลใจในการทำอัลบั้มชุดแรกขึ้นมาในนามวงคา ราบาว ใช้ชื่อชุดว่าขี้เมา ใน ปี พ.ศ. 2524 โดยชักชวนเขียวที่ทำงานประจำลาออกมาร่วมกันทำอัลบั้มดังกล่าวด้วย และนี่เองเป็นจุดเริ่มแรกของ แอ๊ด คาราบาว หัวเรือใหญ่ที่นำพาวงคาราบาว ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านเรื่องราวการต่อสู้ ความวุ่นวายมากมาย มาจนถึงปัจจุบัน ก้าวล่วงเข้าสู่ปีที่ 23 ด้วยผลงานเพลงมากกว่า 90 อัลบั้ม ไม่ว่าจะเป็นผลงานภาคปกติ ภาคพิเศษ ภาคแสดงสด ของคาราบาว<br /><br />บทเพลง ของคาราบาวมีหลากหลาย แต่ละบทเพลงล้วนแล้วแต่มีความหมายเป็นเรื่องราวบอกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ณ ยุคสมัยนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นบทเพลงที่ทำให้คาราบาวประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยเพลงเมดอินไทย แลนด์ ที่ให้คนไทยกลับมานิยมใช้สินค้าของไทย เป็นอัลบั้มที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ เพลงต่างๆ ที่ถูกแต่งขึ้น ด้วยภาษาการประพันธ์ที่สละสลวยแฝงด้วยข้อคิดต่างๆ มากมายซึ่งส่วนหนึ่งจากการแต่งเพลง แอ๊ดคาราบาวเป็นผู้ที่รักการอ่าน โดยเฉพาะแนวปรัชญา ศาสนา ซึ่งก็ได้นำเรื่องราวเหล่านี้มาเขียนเป็นบทเพลงด้วยเช่นกัน ทั้งหมดนี้ทำให้บทเพลงของคาราบาวเป็นบทเพลงที่ทุกคนล้วนแล้วแต่จดจำ ฟังติดหู และบางเพลงก็เป็นเพลงอมตะ ที่ร้องกันมาจนถึงปัจจุบันนี้<br /><br /><center><img src="http://www.carabao.net/Images/bio020.jpg" /></center><br />ศิลปิน : ยืนยง โอภากุล (แอ๊ด คาราบาว)<br />ภาพโดย : ชัยยุทธ์ ลิมลาวัลย์<br /><br /><br />ช่วง เวลา 23 ปีที่ผ่านมา แอ๊ดคาราบาว นอกจากงานเพลงของคาราบาวแล้ว ยังทำงานเพื่อสังคมรับใช้ประเทศชาติร่วมกับหน่วยงานองค์กรทั้งภาครัฐและเอก เชนต่างๆ อย่างเช่น โครงการตู้หนังเพื่อเยาวชน เพื่อให้เยาวชนได้มีหนังสือได้อ่าน การเป็นตัวแทนศิลปินเพลง ที่ทำเพลงในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 บางกอกเกมส์ อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย รักษ์ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม เช่น การต่อสู้เรื่องการต่อต้านการสร้างเขื่อนทำลายป่า ต่อสู้ความไม่เป็นธรรมของสังคมเรียกร้องประชาธิปไตย ณ ยุคสมัยหนึ่ง ถือได้ว่าเป็นนักต่อสู้เพื่อความถูกต้องคนหนึ่ง<br /><br />นอกจากนี้ แอ๊ด คาราบาว ยังได้เข้าสู่วงการบันเทิง เป็นนักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ละคร อาทิเช่น ในภาพยนตร์องค์บาก พรางชมพู กษัตริยา มหาราชกู้แผ่นดิน บางระจัน นายขนมต้ม ฯลฯ และในด้านงานโฆษณา เช่น เพื่อเมืองไทยด้วยใจและใจของโค้ก เพลงประกอบโฆษณาเบียร์ช้าง เป็นต้น หรือแต่งเพลงให้กับรายการทีวี เช่น เกมส์แก้จน และเป็นนักแสดงเองด้วยด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่องเสียงเพลงแห่งเสรีภาพ พรางชมพู กษัตริยา มหาราชกู้แผ่นดิน ท้าลิขิต เป็นต้น จากนั้นแอ๊ด คาราบาวได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้ประพันธ์บทภาพยนตร์ของตัวเอง ในโครงการปั้นเพลงให้เป็นหนัง ในภาพยนตร์เรื่องคนล่าฝัน นางงามตู้กระจก และภาพยนตร์เรื่องเจ้าตาก<br /><br />งานอดิเรกของแอ๊ดคาราบาวนั้น ชอบเลี้ยงไก่ชน ซึ่งไม่ใช่แค่เลี้ยงอย่างเดียว ยังมีความสนใจในทุกเรื่องราวของไก่ชนในสายพันธุ์ต่างๆ อย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นเหลืองหางขาว เจ้าทองหยอด เจ้าหงส์หยก เจ้าดอกไม้ไฟ จนได้รับการแต่งตั้งให้รับตำแหน่งนายกสมาคมส่งเสริมอาชีพไก่ชนไทย และยังร่วมต่อสู้ให้ภาครัฐผลิตวัคซีนไข้หวัดนกฉีดไก่ชน<br /><br />ด้วยวัยที่ ก้าวขึ้นเลขห้า แอ๊ดคาราบาวได้วางรากฐานให้กับชีวิตครอบครัวและลูกน้อง โดยการตัดสินใจก้าวเข้าสู่วงการธุรกิจผลิตเครื่องดื่มบำรุงกำลัง ร่วมกับเสถียร เศรษฐสิทธิ์ เจ้าของโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ในสินค้าที่ชื่อ “คาราบาวแดง” ในปี พ.ศ.2545 ที่ทำให้ทุกคนล้วนแปลกใจด้วยสโลแกน คาราบาวถูกป้ายสี? และผลิตภาพยนตร์โฆษณาคาราบาวแดงแบบมิวสิคมาร์เก็ตติ้งที่ทำให้คนทั้งประเทศ รู้จักคาราบาวแดงได้อย่างรวดเร็ว และจนถึงปัจจุบันนี้เครื่องดื่มคาราบาวแดงก็เป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและ ต่างประเทศ<br /><br />ด้วยความเป็นบุคคลที่ไม่หยุดนิ่งของแอ๊ดคาราบาว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทำให้ทุกวันนี้ แอ๊ด คาราบาวมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบมากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานสร้างสรรค์บทเพลงในนามคาราบาว งานด้านธุรกิจ งานด้านรับใช้สังคมประเทศชาติ อีกทั้งยังทำให้คนอีกไม่น้อยยึดถือเป็นแนวทางในการดำเนินชิวิต ในฐานะคนล่าฝัน ที่ล่าฝันได้สำเร็จแล้วในชีวิต!<br /></span>kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-31465337238832348702009-12-01T16:35:00.000-08:002009-12-01T20:06:32.871-08:00เรื่องน่ารู้ของเมืองไทยที่คุณต้องอึ้ง<h2><span class="mw-headline"><b>เรื่องน่ารู้ของไทย</b></span></h2><p> </p><p>ในสมัยเด็กๆ หลายคนอาจจะต้องท่องจำว่า ใครคือนายกรัฐมนตรีคนแรกของไทย แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่ออะไร ใครเป็นผู้แต่งเพลงสรรเสริญพระบารมี ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ แม้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หลายคนก็ยังจำได้อยู่ แต่หลายคนก็อาจจะลืมเลือน ดังนั้น เพื่อเป็นการทบทวนความจำ ทั้งความรู้เก่าและเกร็ดความรู้ใหม่ ที่บางคนอาจจะไม่เคยทราบมาก่อนเกี่ยวกับประเทศไทย ด้วยบร๊ะลานุภาพของโจ๊กโซคูล จึงขอนำสาระบางส่วนจากหนังสือ “ความรู้รอบตัว รอบรู้เรื่องเมืองไทย” ของฝ่ายวิชาการชมรมเด็ก ซึ่งจัดพิมพ์โดยสุวีริยาสาส์น มาเพื่อเสนอดังต่อไปนี้ </p><p><br /></p> <div align="center"><a href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E:11545464.jpg" class="image" title="ภาพ:11545464.jpg"><img alt="ภาพ:11545464.jpg" longdesc="/wiki/index.php/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E:11545464.jpg" src="http://www.panyathai.or.th/wiki/images/11545464.jpg" width="343" height="493" /></a></div> <p><br /></p> <a name=".E0.B9.81.E0.B8.9A.E0.B8.9A.E0.B9.80.E0.B8.A3.E0.B8.B5.E0.B8.A2.E0.B8.99.E0.B9.80.E0.B8.A5.E0.B9.88.E0.B8.A1.E0.B9.81.E0.B8.A3.E0.B8.81.E0.B8.82.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B9.84.E0.B8.97.E0.B8.A2"></a><h3><span class="editsection"></span> <span class="mw-headline">แบบเรียนเล่มแรกของไทย</span></h3> <p> แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่อ “จินดามณี” แต่งโดย พระมหาราชครู กวีในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (ครองราชย์ปี พ.ศ. 2199 - 2231) </p> <a name=".E0.B8.96.E0.B8.99.E0.B8.99.E0.B8.AA.E0.B8.B2.E0.B8.A2.E0.B9.81.E0.B8.A3.E0.B8.81.E0.B9.83.E0.B8.99.E0.B9.80.E0.B8.A1.E0.B8.B7.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B9.84.E0.B8.97.E0.B8.A2"></a><h3><span class="editsection"></span> <span class="mw-headline">ถนนสายแรกในเมืองไทย</span></h3> <p> ถนนสายแรกในเมืองไทย คือ ถนนเจริญกรุง (New Road) สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อ พ.ศ. 2404 โดยต่อมาได้มีการตัดถนนบำรุงเมือง ถนนเฟื่องนคร รวมทั้งถนนพระราม 4 และถนนสีลมในเขตชานพระนคร </p><p><br /></p> <div align="center"><a href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E:Jarrenkung.jpg" class="image" title="ภาพ:jarrenkung.jpg"><img alt="ภาพ:jarrenkung.jpg" longdesc="/wiki/index.php/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E:Jarrenkung.jpg" src="http://www.panyathai.or.th/wiki/images/Jarrenkung.jpg" width="345" height="249" /></a></div> <p><br /></p> <a name=".E0.B8.99.E0.B9.89.E0.B8.B3.E0.B9.81.E0.B8.82.E0.B9.87.E0.B8.87.E0.B9.80.E0.B8.82.E0.B9.89.E0.B8.B2.E0.B8.A1.E0.B8.B2.E0.B9.80.E0.B8.A1.E0.B8.B7.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B9.84.E0.B8.97.E0.B8.A2.E0.B8.84.E0.B8.A3.E0.B8.B1.E0.B9.89.E0.B8.87.E0.B9.81.E0.B8.A3.E0.B8.81"></a><h3><span class="editsection"></span><span class="mw-headline">น้ำแข็งเข้ามาเมืองไทยครั้งแรก</span></h3> <p> น้ำแข็งเข้ามาเมืองไทยครั้งแรก ในสมัยรัชกาลที่ 4 ประมาณ พ.ศ. 2410 สันนิษฐานว่า ผลิตที่สิงคโปร์แล้วส่งมาถวาย โดยใส่หีบกลบขี้เลื่อย คนเฒ่าคนแก่ในสมัยนั้น ไม่เชื่อว่าจะทำน้ำแข็งได้จริง ถึงกับออกปากว่า “จะปั้นน้ำเป็นตัวได้อย่างไร” </p><p><br /></p> <a name=".E0.B8.9E.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.A1.E0.B8.AB.E0.B8.B2.E0.B8.81.E0.B8.A9.E0.B8.B1.E0.B8.95.E0.B8.A3.E0.B8.B4.E0.B8.A2.E0.B9.8C.E0.B9.84.E0.B8.97.E0.B8.A2.E0.B8.9E.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B8.84.E0.B9.8C.E0.B9.81.E0.B8.A3.E0.B8.81.E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B9.88.E0.B9.80.E0.B8.AA.E0.B8.94.E0.B9.87.E0.B8.88.E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.9E.E0.B8.B2.E0.B8.AA.E0.B8.95.E0.B9.88.E0.B8.B2.E0.B8.87.E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B9.80.E0.B8.97.E0.B8.A8"></a><h3><span class="editsection"></span><span class="mw-headline">พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่เสด็จประพาสต่างประเทศ</span></h3> <p> พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรก ที่เสด็จประพาสต่างประเทศคือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยเสด็จประพาสสิงคโปร์เป็นแห่งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2413 และเสด็จชวาด้วย </p><p><br /></p> <div align="center"><a href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E:Ro5.jpg" class="image" title="ภาพ:ro5.jpg"><img alt="ภาพ:ro5.jpg" longdesc="/wiki/index.php/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E:Ro5.jpg" src="http://www.panyathai.or.th/wiki/images/Ro5.jpg" width="288" height="432" /></a></div> <p><br /></p> <a name=".E0.B8.9C.E0.B8.B9.E0.B9.89.E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B9.88.E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.9E.E0.B8.B1.E0.B8.99.E0.B8.98.E0.B9.8C.E0.B9.80.E0.B8.9E.E0.B8.A5.E0.B8.87.E0.B8.AA.E0.B8.A3.E0.B8.A3.E0.B9.80.E0.B8.AA.E0.B8.A3.E0.B8.B4.E0.B8.8D.E0.B8.9E.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.9A.E0.B8.B2.E0.B8.A3.E0.B8.A1.E0.B8.B5"></a><h3><span class="editsection"></span><span class="mw-headline">ผู้ที่ประพันธ์เพลงสรรเสริญพระบารมี</span></h3> <p> ผู้ที่ประพันธ์เพลงสรรเสริญพระบารมี คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ โดยมีนายปโยตร์ ซูโรฟสกี้ (Pyotr Shchurovsky) ชาวรัสเซีย แต่งทำนองเพลงขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. 2431 </p><p><br /></p> <a name=".E0.B8.98.E0.B8.99.E0.B8.9A.E0.B8.B1.E0.B8.95.E0.B8.A3.E0.B8.AB.E0.B8.A3.E0.B8.B7.E0.B8.AD.E0.B9.80.E0.B8.87.E0.B8.B4.E0.B8.99.E0.B8.81.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.94.E0.B8.B2.E0.B8.A9.E0.B8.82.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B9.84.E0.B8.97.E0.B8.A2"></a><h3><span class="editsection"></span><span class="mw-headline">ธนบัตรหรือเงินกระดาษของไทย</span></h3> <p> ธนบัตรหรือเงินกระดาษของไทย ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ผลิตขึ้นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 พิมพ์ออกใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2445 โดยก่อนหน้านั้น ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้มีการผลิตธนบัตร หรือเงินกระดาษออกใช้เป็นครั้งแรก ในเมืองไทยแล้ว เมื่อปี พ.ศ. 2396 แต่เรียกว่า “หมาย” ทำด้วยกระดาษปอนด์สีขาวรูปสี่เหลี่ยม พิมพ์ลวดลายด้วยหมึกทั้งสองด้าน และประทับตรา พระราชลัญจกรประจำแผ่นดิน ตราจักร และพระราชลัญจกรประจำรัชกาลสีแดงชาด (ลัญจกร อ่านว่า ลัน-จะ-กอน แปลว่า ตราสำหรับใช้ตีหรือประทับ ราชาศัพท์ใช้คำว่า พระราชลัญจกร) </p> <a name=".E0.B8.9C.E0.B8.B9.E0.B9.89.E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B9.88.E0.B8.84.E0.B8.B4.E0.B8.94.E0.B8.AD.E0.B8.AD.E0.B8.81.E0.B8.A5.E0.B8.AD.E0.B8.95.E0.B9.80.E0.B8.95.E0.B8.AD.E0.B8.A3.E0.B8.B5.E0.B9.88.E0.B9.80.E0.B8.9B.E0.B9.87.E0.B8.99.E0.B8.84.E0.B8.99.E0.B9.81.E0.B8.A3.E0.B8.81.E0.B9.83.E0.B8.99.E0.B9.80.E0.B8.A1.E0.B8.B7.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B9.84.E0.B8.97.E0.B8.A2"></a><h3><span class="editsection"></span><span class="mw-headline">ผู้ที่คิดออกลอตเตอรี่เป็นคนแรกในเมืองไทย</span></h3> <p> ผู้ที่คิดออกลอตเตอรี่เป็นคนแรกในเมืองไทย คือ มิสเตอร์เฮนรี่ อาลบาสเตอร์ (ต้นตระกูล “เศวตศิลา”) ชนชาติอังกฤษ เป็นผู้นำลักษณะการออกรางวัลสลากแบบยุโรปมาเผยแพร่เป็นคนแรก โดยเรียกว่า “ลอตเตอรี่” โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้กรมทหารมหาดเล็กออกลอตเตอรี่เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๗ เนื่องในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา </p><p><br /></p> <div align="center"><a href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E:Clock.jpg" class="image" title="ภาพ:clock.jpg"><img alt="ภาพ:clock.jpg" longdesc="/wiki/index.php/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E:Clock.jpg" src="http://www.panyathai.or.th/wiki/images/Clock.jpg" width="400" height="276" /></a></div> <p><br /></p> <a name=".E0.B8.84.E0.B8.99.E0.B9.84.E0.B8.97.E0.B8.A2.E0.B8.84.E0.B8.99.E0.B9.81.E0.B8.A3.E0.B8.81.E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B9.88.E0.B9.84.E0.B8.94.E0.B9.89.E0.B8.82.E0.B8.B6.E0.B9.89.E0.B8.99.E0.B9.80.E0.B8.84.E0.B8.A3.E0.B8.B7.E0.B9.88.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B8.9A.E0.B8.B4.E0.B8.99"></a><h3><span class="editsection"></span><span class="mw-headline">คนไทยคนแรกที่ได้ขึ้นเครื่องบิน</span></h3> <p> คนไทยคนแรกที่ได้ขึ้นเครื่องบิน คือ พระบรมวงศ์เธอ กรมพระยากำแพงเพ็ชรอัครโยธิน โดยประทับเครื่องบินออร์วิลไรท์ คู่กับกัปตัน มร.เวนเดนเปอร์น ซึ่งขับวนเวียนเหนือสนามราชกรีฑาสโมสร เป็นเวลา 3 นาที 45 วินาที เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ.2453 เป็นเครื่องบินที่บริษัทฝรั่งเศสนำมาแสดง ณ ราชกรีฑาสโมสร(สนามม้านางเลิ้ง) ซึ่งถือว่าเป็นสนามบินแห่งแรก ที่ใช้ในการบินของเมืองไทยด้วย </p> <a name=".E0.B8.9E.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.A1.E0.B8.AB.E0.B8.B2.E0.B8.81.E0.B8.A9.E0.B8.B1.E0.B8.95.E0.B8.A3.E0.B8.B4.E0.B8.A2.E0.B9.8C.E0.B9.84.E0.B8.97.E0.B8.A2.E0.B8.9E.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B8.84.E0.B9.8C.E0.B9.81.E0.B8.A3.E0.B8.81_.E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B9.88.E0.B8.97.E0.B8.A3.E0.B8.87.E0.B8.9C.E0.B9.88.E0.B8.B2.E0.B8.99.E0.B8.81.E0.B8.B2.E0.B8.A3.E0.B8.A8.E0.B8.B6.E0.B8.81.E0.B8.A9.E0.B8.B2.E0.B8.88.E0.B8.B2.E0.B8.81.E0.B8.95.E0.B9.88.E0.B8.B2.E0.B8.87.E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B9.80.E0.B8.97.E0.B8.A8"></a><h3><span class="editsection"></span><span class="mw-headline">พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรก ที่ทรงผ่านการศึกษาจากต่างประเทศ</span></h3> <p> พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรก ที่ทรงผ่านการศึกษาจากต่างประเทศคือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เสด็จไปศึกษา ณ ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่เมื่อครั้งทรงยังดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เมื่อปี พ.ศ. 2436 - 2445 รวมระยะเวลา 9 ปี </p> <a name=".E0.B8.99.E0.B8.B2.E0.B8.A1.E0.B8.AA.E0.B8.81.E0.B8.B8.E0.B8.A5.E0.B8.AB.E0.B8.A1.E0.B8.B2.E0.B8.A2.E0.B9.80.E0.B8.A5.E0.B8.82_1_.E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B9.88.E0.B8.A3.E0.B8.B1.E0.B8.8A.E0.B8.81.E0.B8.B2.E0.B8.A5.E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B9.88_6_.E0.B8.97.E0.B8.A3.E0.B8.87.E0.B8.84.E0.B8.B4.E0.B8.94.E0.B8.9E.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.A3.E0.B8.B2.E0.B8.8A.E0.B8.97.E0.B8.B2.E0.B8.99"></a><h3><span class="editsection"></span><span class="mw-headline">นามสกุลหมายเลข 1 ที่รัชกาลที่ 6 ทรงคิดพระราชทาน</span></h3> <p> นามสกุลหมายเลข 1 ที่รัชกาลที่ 6 ทรงคิดพระราชทาน คือ นามสกุล “สุขุม” พระราชทานเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ.2456 ต้นสกุลคือ เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) </p><p><br /></p> <div align="center"><a href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E:Anan.jpg" class="image" title="ภาพ:anan.jpg"><img alt="ภาพ:anan.jpg" longdesc="/wiki/index.php/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E:Anan.jpg" src="http://www.panyathai.or.th/wiki/images/Anan.jpg" width="150" height="216" /></a></div> <p><br /></p> <a name=".E0.B8.9C.E0.B8.B9.E0.B9.89.E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B9.88.E0.B9.83.E0.B8.AB.E0.B9.89.E0.B8.81.E0.B8.B3.E0.B9.80.E0.B8.99.E0.B8.B4.E0.B8.94.E0.B8.A3.E0.B8.96.E0.B9.81.E0.B8.97.E0.B9.87.E0.B8.81.E0.B8.8B.E0.B8.B5.E0.B9.88.E0.B8.82.E0.B8.B6.E0.B9.89.E0.B8.99.E0.B9.83.E0.B8.99.E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B9.80.E0.B8.97.E0.B8.A8.E0.B9.84.E0.B8.97.E0.B8.A2.E0.B8.84.E0.B8.A3.E0.B8.B1.E0.B9.89.E0.B8.87.E0.B9.81.E0.B8.A3.E0.B8.81"></a><h3><span class="editsection"></span><span class="mw-headline">ผู้ที่ให้กำเนิดรถแท็กซี่ขึ้นในประเทศไทยครั้งแรก</span></h3> <p> ผู้ที่ให้กำเนิดรถแท็กซี่ขึ้นในประเทศไทยครั้งแรก คือ พลโท พระยาเทพหัสดิน (ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เป็นรถยนต์นั่ง (รถเก๋ง) ยี่ห้อออสติน จำนวน 4 คัน เปิดบริการรับจ้างครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2466 ในสมัยรัชกาลที่ 6 ในสมัยนั้นเรียกว่า “รถไมล์” </p> <a name=".E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B9.80.E0.B8.97.E0.B8.A8.E0.B9.84.E0.B8.97.E0.B8.A2.E0.B9.80.E0.B8.A3.E0.B8.B4.E0.B9.88.E0.B8.A1.E0.B8.99.E0.B8.B1.E0.B8.9A.E0.B9.80.E0.B8.A7.E0.B8.A5.E0.B8.B2_.E0.B8.95.E0.B8.B2.E0.B8.A1.E0.B9.81.E0.B8.9A.E0.B8.9A.E0.B8.AA.E0.B8.B2.E0.B8.81.E0.B8.A5.E0.B8.84.E0.B8.A3.E0.B8.B1.E0.B9.89.E0.B8.87.E0.B9.81.E0.B8.A3.E0.B8.81"></a><h3><span class="editsection"></span><span class="mw-headline">ประเทศไทยเริ่มนับเวลา ตามแบบสากลครั้งแรก</span></h3> <p> ประเทศไทยเริ่มนับเวลา ตามแบบสากลครั้งแรกในสมัย รัชกาลที่ 6 โดยแต่เดิมเรานับเวลาตอนกลางวันเป็น “โมง” และตอนกลางคืนเป็น “ทุ่ม” พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงให้เปลี่ยนมาเรียกว่า “นาฬิกา” (เขียนย่อว่า “น.”) และให้นับเวลาทางราชการใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับธรรมเนียมสากลนิยม โดยให้ถือว่าเวลาหลังเที่ยงคืนเป็นเวลาเปลี่ยนวันใหม่ และให้ถือเวลาที่ตำบลกรีนิช ประเทศอังกฤษเป็นมาตรฐาน ซึ่งเวลาในประเทศไทย เป็นเวลาก่อนหรือเร็วกว่าเวลาที่กรีนิช 7 ชม. เช่น ไทยเป็นเวลา 19.00 น. ทางกรีนิชเท่ากับ 12.00 น. เป็นต้น </p> <a name=".E0.B8.9C.E0.B8.B9.E0.B9.89.E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B9.88.E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.94.E0.B8.B4.E0.B8.A9.E0.B8.90.E0.B9.8C.E0.B9.80.E0.B8.84.E0.B8.A3.E0.B8.B7.E0.B9.88.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B8.9E.E0.B8.B4.E0.B8.A1.E0.B8.9E.E0.B9.8C.E0.B8.94.E0.B8.B5.E0.B8.94.E0.B8.A0.E0.B8.B2.E0.B8.A9.E0.B8.B2.E0.B9.84.E0.B8.97.E0.B8.A2.E0.B9.80.E0.B8.84.E0.B8.A3.E0.B8.B7.E0.B9.88.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B9.81.E0.B8.A3.E0.B8.81"></a><h3><span class="editsection"></span><span class="mw-headline">ผู้ที่ประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทยเครื่องแรก</span></h3> <p> ผู้ที่ประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทยเครื่องแรก คือ มิสเตอร์เอ็ดวิน แมกพาแลนด์ ยี่ห้อเรมิงตัน </p> <a name=".E0.B8.99.E0.B8.B2.E0.B8.A2.E0.B8.81.E0.B8.A3.E0.B8.B1.E0.B8.90.E0.B8.A1.E0.B8.99.E0.B8.95.E0.B8.A3.E0.B8.B5.E0.B8.84.E0.B8.99.E0.B9.81.E0.B8.A3.E0.B8.81.E0.B8.82.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B9.80.E0.B8.97.E0.B8.A8.E0.B9.84.E0.B8.97.E0.B8.A2"></a><h3><span class="editsection"></span><span class="mw-headline">นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย</span></h3> <p> นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย คือ พระยามโนปกรณนิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) เข้าดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 - 20 มิถุนายน พ.ศ.2476 ส่วนนายกรัฐมนตรีคนแรก ที่ถูกบังคับให้ออกจากตำแหน่งคือ นายควง อภัยวงศ์ หลังจากที่เข้าดำรงตำแหน่งได้ประมาณ 1 เดือนเศษ ในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2491 ได้ถูกคณะนายทหารเข้าพบ เพื่อขอร้องแกมบังคับ ให้ลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้เพื่อเปิดทางให้กับจอมพลป. พิบูลสงคราม กลับเข้าเป็นนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 3 </p><p><br /></p> <div align="center"><a href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E:Manopakorn.jpg" class="image" title="ภาพ:manopakorn.jpg"><img alt="ภาพ:manopakorn.jpg" longdesc="/wiki/index.php/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E:Manopakorn.jpg" src="http://www.panyathai.or.th/wiki/images/Manopakorn.jpg" width="170" height="240" /></a></div> <p><br /></p> <a name=".E0.B8.A2.E0.B8.A8.E0.B8.AA.E0.B8.B9.E0.B8.87.E0.B8.AA.E0.B8.B8.E0.B8.94.E0.B8.82.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B8.97.E0.B8.AB.E0.B8.B2.E0.B8.A3.E0.B9.84.E0.B8.97.E0.B8.A2"></a><h3><span class="editsection"></span><span class="mw-headline">ยศสูงสุดของทหารไทย</span></h3> <p> ยศสูงสุดของทหารไทย คือ ยศจอมพล แต่ปัจจุบันไม่มีการแต่งตั้งแล้ว ยศสูงสุดทางทหารในปัจจุบันคือ “พลเอก” ผู้ที่เป็นจอมพลคนแรกของไทยคือ จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภานุพันธุวงศ์วรเดช ทรงเป็นต้นสกุล “ภาณุพันธุ์” ส่วนจอมพลคนแรกในระบอบประชาธิปไตย คือ จอมพลป. พิบูลสงคราม และคนสุดท้าย ที่ดำรงตำแหน่งจอมพลในระบอบประชาธิปไตยคือ จอมพลประภาส จารุเสถียร เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2516 (สำหรับพระมหากษัตริย์ จะทรงดำรงตำแหน่ง “จอมทัพไทย”) </p> <a name=".E0.B8.9C.E0.B8.B9.E0.B9.89.E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.9E.E0.B8.B1.E0.B8.99.E0.B8.98.E0.B9.8C.E0.B9.80.E0.B8.9E.E0.B8.A5.E0.B8.87.E0.B8.8A.E0.B8.B2.E0.B8.95.E0.B8.B4.E0.B9.84.E0.B8.97.E0.B8.A2.E0.B9.83.E0.B8.99.E0.B8.9B.E0.B8.B1.E0.B8.88.E0.B8.88.E0.B8.B8.E0.B8.9A.E0.B8.B1.E0.B8.99"></a><h3><span class="editsection"></span><span class="mw-headline">ผู้ประพันธ์เพลงชาติไทยในปัจจุบัน</span></h3> <p> ผู้ประพันธ์เพลงชาติไทยในปัจจุบัน คือ พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยากร) เป็นผู้แต่งทำนอง และหลวงสารานุประพันธ์ (นวล ปาจิณพยัคฆ์) เป็นผู้แต่งเนื้อร้อง เมื่อ พ.ศ. 2483 </p> <a name=".E0.B8.9C.E0.B8.B9.E0.B9.89.E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B9.88.E0.B8.84.E0.B8.B4.E0.B8.94.E0.B8.9D.E0.B8.99.E0.B9.80.E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B8.A2.E0.B8.A1_.E0.B8.AB.E0.B8.A3.E0.B8.B7.E0.B8.AD_.E0.B8.9D.E0.B8.99.E0.B8.AB.E0.B8.A5.E0.B8.A7.E0.B8.87__.E0.B8.82.E0.B8.B6.E0.B9.89.E0.B8.99.E0.B9.80.E0.B8.9B.E0.B9.87.E0.B8.99.E0.B8.84.E0.B8.A3.E0.B8.B1.E0.B9.89.E0.B8.87.E0.B9.81.E0.B8.A3.E0.B8.81.E0.B9.83.E0.B8.99.E0.B9.80.E0.B8.A1.E0.B8.B7.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B9.84.E0.B8.97.E0.B8.A2"></a><h3><span class="editsection"></span><span class="mw-headline">ผู้ที่คิดฝนเทียม หรือ ฝนหลวง ขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย</span></h3> <p> ผู้ที่คิดฝนเทียม หรือ ฝนหลวง ขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช โดยได้ทรงค้นคิดและวิจัยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 และทรงถ่ายทอดแนวพระราชดำริ และผลการวิจัยแก่ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล วิศวกรผู้เชี่ยวชาญทางการเกษตร จนมีการทำฝนหลวงพระราชทานครั้งแรก ในปีพ.ศ. 2512 </p> <a name=".E0.B8.A1.E0.B8.81.E0.B8.B8.E0.B8.8E.E0.B8.A3.E0.B8.B2.E0.B8.8A.E0.B8.81.E0.B8.B8.E0.B8.A1.E0.B8.B2.E0.B8.A3.E0.B8.9E.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B8.84.E0.B9.8C.E0.B9.81.E0.B8.A3.E0.B8.81_.E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B9.88.E0.B8.97.E0.B8.A3.E0.B8.87.E0.B9.80.E0.B8.82.E0.B9.89.E0.B8.B2.E0.B8.A8.E0.B8.B6.E0.B8.81.E0.B8.A9.E0.B8.B2.E0.B9.83.E0.B8.99.E0.B9.82.E0.B8.A3.E0.B8.87.E0.B9.80.E0.B8.A3.E0.B8.B5.E0.B8.A2.E0.B8.99.E0.B9.80.E0.B8.AA.E0.B8.99.E0.B8.B2.E0.B8.98.E0.B8.B4.E0.B8.81.E0.B8.B2.E0.B8.A3.E0.B8.97.E0.B8.AB.E0.B8.B2.E0.B8.A3.E0.B8.9A.E0.B8.81"></a><h3><span class="editsection"></span><span class="mw-headline">มกุฎราชกุมารพระองค์แรก ที่ทรงเข้าศึกษาในโรงเรียนเสนาธิการทหารบก</span></h3> <p> มกุฎราชกุมารพระองค์แรก ที่ทรงเข้าศึกษาในโรงเรียนเสนาธิการทหารบก คือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร </p><p><br /></p> <a name=".E0.B8.AA.E0.B8.A1.E0.B9.80.E0.B8.94.E0.B9.87.E0.B8.88.E0.B9.80.E0.B8.88.E0.B9.89.E0.B8.B2.E0.B8.9F.E0.B9.89.E0.B8.B2.E0.B8.9E.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B8.84.E0.B9.8C.E0.B9.81.E0.B8.A3.E0.B8.81_.E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B9.88.E0.B8.AA.E0.B8.B3.E0.B9.80.E0.B8.A3.E0.B9.87.E0.B8.88.E0.B8.81.E0.B8.B2.E0.B8.A3.E0.B8.A8.E0.B8.B6.E0.B8.81.E0.B8.A9.E0.B8.B2.E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B4.E0.B8.8D.E0.B8.8D.E0.B8.B2.E0.B8.95.E0.B8.A3.E0.B8.B5.E0.B9.83.E0.B8.99.E0.B8.A1.E0.B8.AB.E0.B8.B2.E0.B8.A7.E0.B8.B4.E0.B8.97.E0.B8.A2.E0.B8.B2.E0.B8.A5.E0.B8.B1.E0.B8.A2.E0.B8.82.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B9.80.E0.B8.97.E0.B8.A8.E0.B9.84.E0.B8.97.E0.B8.A2"></a><h3><span class="mw-headline">สมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์แรก ที่สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยของประเทศไทย</span></h3> <p> สมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์แรก ที่สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยของประเทศไทย คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยทรงจบอักษรศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 1 จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อปี พ.ศ. 2519 </p> <a name=".E0.B8.84.E0.B8.99.E0.B9.84.E0.B8.97.E0.B8.A2.E0.B8.84.E0.B8.99.E0.B9.81.E0.B8.A3.E0.B8.81_.E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B9.88.E0.B9.84.E0.B8.94.E0.B9.89.E0.B8.A3.E0.B8.B1.E0.B8.9A.E0.B9.81.E0.B8.95.E0.B9.88.E0.B8.87.E0.B8.95.E0.B8.B1.E0.B9.89.E0.B8.87.E0.B9.83.E0.B8.AB.E0.B9.89.E0.B9.80.E0.B8.9B.E0.B9.87.E0.B8.99.E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.98.E0.B8.B2.E0.B8.99.E0.B8.AA.E0.B8.A1.E0.B8.B1.E0.B8.8A.E0.B8.8A.E0.B8.B2.E0.B9.83.E0.B8.AB.E0.B8.8D.E0.B9.88_.E0.B9.81.E0.B8.AB.E0.B9.88.E0.B8.87.E0.B8.AA.E0.B8.AB.E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.8A.E0.B8.B2.E0.B8.8A.E0.B8.B2.E0.B8.95.E0.B8.B4"></a><h3><span class="editsection"></span><span class="mw-headline">คนไทยคนแรก ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานสมัชชาใหญ่ แห่งสหประชาชาติ</span></h3> <p> คนไทยคนแรก ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานสมัชชาใหญ่ แห่งสหประชาชาติ คือ พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2499 </p> <a name=".E0.B8.9C.E0.B8.B9.E0.B9.89.E0.B8.99.E0.B8.B3.E0.B9.84.E0.B8.97.E0.B8.A2.E0.B8.84.E0.B8.99.E0.B9.81.E0.B8.A3.E0.B8.81_.E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B9.88.E0.B9.84.E0.B8.94.E0.B9.89.E0.B8.A3.E0.B8.B1.E0.B8.9A.E0.B8.A3.E0.B8.B2.E0.B8.87.E0.B8.A7.E0.B8.B1.E0.B8.A5.E0.B9.81.E0.B8.A1.E0.B8.81.E0.B9.84.E0.B8.8B.E0.B9.84.E0.B8.8B"></a><h3><span class="editsection"></span> <span class="mw-headline">ผู้นำไทยคนแรก ที่ได้รับรางวัลแมกไซไซ</span></h3> <p> ผู้นำไทยคนแรก ที่ได้รับรางวัลแมกไซไซ คือนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 18 ของไทย ได้รับในสาขางานบริการภาครัฐบาล ประจำปี พ.ศ. 2540 </p><p> ทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่งในหนังสือดังกล่าว ซึ่งหวังว่าจะทำให้ผู้อ่าน และผู้สนใจได้รับความรู้เพิ่มขึ้น เรียบเรียงจากหนังสือ ความรู้รอบตัว รอบรู้เรื่องเมืองไทย โดย ฝ่ายวิชาการชมรมเด็ก โทร.02-871-7542 </p>kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-81272324376609249822009-12-01T09:20:00.000-08:002009-12-01T09:29:03.583-08:00Che Guevara<span style="font-weight: bold;font-size:100%;" ></span><div style="text-align: center;"> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_10829_02_12_05_che733.jpeg" alt="image" border="0" /> </div> <p> </p><div align="center"> <strong>Ernesto Rafael Guevara de la Serna</strong><p> </p></div> <p> <strong>Ernesto Che Guevara (เช กูวารา)</strong> เกิดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ปี <strong>1928</strong> (ข้อมูลหลายแห่งบอกว่า เขาเกิดในเดือนมิถุนายน แต่จริง ๆ แล้วมารดาของเขา ต้องการปกปิดว่าเธอตั้งครรภ์ก่อนแต่งราว สามเดือน จึงให้แพทย์ลงในใบเกิดว่าคลอดเดือนมิถุนายน เพราะการคลอดก่อนกำหนดเจ็ดเดือน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้) ที่เมือง โรซาริโอ (Rosario) อำเภอเล็ก ๆ ของกรุงบัวโนส ไอเรส (Buenos Aires) ประเทศอาร์เจนตินา ครอบครับของเขาเป็นชนชั้นกลาง เขาเป็นบุตรของ Ernesto Guevara Lynch และ Celia de la Serna Llosa มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน และ Ernesto เป็นพี่ชายคนโต บิดาเป็นนักธุรกิจที่มีปัญหาเรื่องการเงินอยู่เสมอ แต่ก็สามารถประคับประคองครอบครัวให้มีความสุขตลอดมา</p><p> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_1083_02_12_05_child6.jpg" alt="image" vspace="10" width="266" align="left" border="0" height="176" hspace="10" /></p><p> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_1082_02_12_05_child18.jpg" alt="image" width="295" border="0" height="149" /></p><p> </p><div style="text-align: center;"> <p> </p></div> <div align="left"> <p> </p></div> ในวัยเด็ก Ernesto เกิดและโตอยู่ท่ามกลางเรื่องราวความแตกต่างของชนชั้นทางสังคมมาตลอด สายเลือดแห่งความเป็นนักสังคม และการมีบุคลิกที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้คนยอมรับภาวะการเป็นผู้นำของเขา ก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากบิดามารดานั่นเอง<p> หนูน้อย Ernesto เริ่มเป็น โรคหอบหืด (Asthma) ตอนเอายุได้เพียงสองขวบเท่านั้น และโรคนี้ก็กลายเป็นโรคประจำตัว ของเขาไปตลอดชีวิต โรคหอบหืด เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของ Ernesto ในเวลาต่อมา เนื่องจาก เมื่อโตขึ้น เขาตั้งใจว่าจะเรียนวิชาแพทย์เพื่อหาทางรักษามันให้หายให้ได้</p><p> </p><div style="text-align: center;" align="left"> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_1081_02_12_05_Che5.jpg" alt="image" vspace="5" width="169" align="left" border="0" height="240" hspace="5" /> </div> <div style="text-align: center;" align="left"> </div> <div style="text-align: center;"> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_10813_02_12_05_che02.jpeg" alt="image" vspace="8" width="160" align="left" border="0" height="224" hspace="8" /> </div> <div style="text-align: center;"> </div> <div style="text-align: center;"> </div> <div style="text-align: center;"> </div> <div style="text-align: center;"> </div> <div style="text-align: center;"> </div> <div style="text-align: center;"> </div> <div style="text-align: center;"> </div> <div style="text-align: center;"> </div> <div style="text-align: center;"> </div> <div style="text-align: center;"> </div> <p> </p><div style="text-align: center;"> </div><p>ปี <strong>1947</strong> Ernesto เข้าเรียนคณะแพทยศาสตร์ในมหาวิทยาลัย Universidad Nacional de Cordoba โดยเน้นวิชาการด้านผิวหนัง (Lepraleiden (โรคเรื้อน)) ครอบครัวของเขาตัดสินใจย้ายบ้านไปอยู่ที่เมือง Alta Gracia ซึ่งอยู่ใกล้กับเมือง Cordoba เมืองที่เขาเรียนอยู่ ทั้งนี้เพราะที่เมืองนี้ มีอากาศที่เหมาะสมและดีต่อสุขภาพของ Ernesto</p><p> ในช่วงของการเรียนมหาวิทยาลัย Ernesto พยายามเล่นกีฬาหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ลัคบี้ เบสบอล ปีนเขา และอื่น ๆ โดยหวังจะเอาชนะโรคหอบหืด แต่ก็ยังไม่สำเร็จ ครั้งหนึ่งในช่วงปี <strong>1951</strong> เขาตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวระยะยาวร่วมกับเพื่อนชื่อ อัลแบร์โต กรานาโด (Alberto Granado) ไปทั่วอเมริกาใต้ด้วยรถมอร์เตอร์ไซด์ </p><p> </p><div style="text-align: center;"> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_1086_02_12_05_che3.jpg" alt="image" vspace="10" width="240" align="left" border="0" height="240" /> </div> บันทึกการเดินทางของเขา ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ เมื่อปี 2005 คือ <strong>"The Motorcycle Diaries"</strong> การเดินทางครั้งนั้น นอกจากทำให้เขาโด่งดังไปทั่วแล้ว ยังเป็นการเดินทางที่มีผลต่อแนวคิดครั้งยิ่งใหญ่ และเป็นแรงผลักดันให้เขากลายเป็นนักปฏิวัติ ผู้ตั้งใจอุทิศชีวิต และเลือดเนื้อเพื่อคนชั้นล่างของสังคม ในเวลาต่อมาด้วย <p> ในช่วงที่เดินทางผ่านประเทศโบลิเวีย, ชิลี, เวเนซูเอลา รวมทั้งการทำงานเป็นแพทย์อาสาในระยะเวลาสั้น ๆ ที่เปรู ทำให้ Ernesto ได้เห็นภาพความยากจน ของชาวบ้าน ที่โดนกดขี่ขมเหงจากบรรดานักการเมืองและนักธุรกิจ ท่ามกลางเศรษฐกิจแบบทุนนิยมที่กำลังไหลบ่าเข้าท่วมประเทศเหล่านี้ Ernesto เริ่มหันมาสนใจการเมืองในอเมริกาใต้อย่างจริงจัง และ แนวคิดที่มีอิทธิพลต่อเขาอย่างยิ่ง ก็คือ มาร์กซิสต์ (Marxismus) </p><p> อย่างไรก็ตาม จริง ๆ แล้ว แนวคิดมาร์กซิสต์นี้ Ernesto เคยศึกษามาก่อนหน้าที่เขาจะท่องเที่ยวแล้ว ด้วยเขาเป็นคนชอบอ่านหนังสือ รวมทั้งสนใจศึกษาปรัชญา การเมืองการปกครองมาแต่สมัยเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเมืองการปกครองของประเทศอาร์เจนตินา บ้านเกิดของเขาเอง ภายใต้การนำของผู้นำที่เขาเกลียด Juan Domingo Peron เพราะคอยกดขี่ประชาชน อยู่เเสมอ </p><div style="text-align: center;"> </div> <p> </p><div style="text-align: center;"> </div>ภาพการถูกกดขี่ข่มเหงของประชาชนในอเมริกาใต้ที่สามารถพบเห็นได้โดย ทั่วไป กลายเป็นสิ่งบ่มเพาะจิตสำนึก จนทำให้ Ernesto ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ว่า เขาจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อปลดปล่อยสภาพแบบนั้น ให้กับประชาชนชาวอเมริกาใต้ และเขาเริ่มคิดได้ว่า การทำงานเป็นแพทย์แต่เพียงอย่างเดียว คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลง หรือผลักดันให้เกิดภาพที่เขาอยากเห็นเหล่านั้นได้ <p> </p><div style="text-align: center;"> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_1088_02_12_05_child20.jpg" alt="image" vspace="15" width="200" align="right" border="0" height="147" hspace="15" /> </div> <div style="text-align: center;"> </div> <p> </p><div style="text-align: center;"> </div> ดังนั้น ปี <strong>1953</strong> หลังเรียนจบที่คณะแพทย์ ในขณะที่ Granado เพื่อเก่าที่เคยเดินทางด้วยกัน ย้ายไปทำงานที่เวเนซูเอล่า Ernesto กลับเดินทางไปประเทศกัวเตมาลา เพื่อขอเข้าร่วมกับคณะรัฐประหาร ที่ต่อต้าน Jacobo Arbenz Guzmán ในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ที่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศสหรัฐอเมริกา และที่นี่เองที่เขาพบรักกับ Hilda Gadea Acosta หญิงชาวเปรูที่ลี้ภัยการเมือง <p> </p><div style="text-align: center;"> </div> <p> แม้จะเป็นเพียงแพทย์ในกลุ่ม แต่ด้วยประสบการณ์และความทรงจำในกัวเตมาลา ผลักดันให้ Ernesto เดินทางต่อไปยังประเทศเม็กซิโก และได้แต่งงานกับ Hilda ที่นั่น และในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 1956 เขาก็ได้ลูกสาวคนแรกชื่อ Hildita</p><p> </p><div style="text-align: center;"> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_1089_02_12_05_normal_camillo.jpg" alt="image" vspace="15" width="150" align="left" border="0" height="247" hspace="15" /> </div> <p> </p> <div style="text-align: center;"> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_10810_02_12_05_normal_gbh2.jpg" alt="image" vspace="15" width="200" align="left" border="0" height="167" hspace="15" /><p> </p><div style="text-align: center;"> </div> <p> </p><div style="text-align: center;"> </div> <p> </p></div> <p> </p><div align="left"> <p> </p></div> เม็กซิโก คือสถานที่สำคัญในการพลิกชีวิตของเขาอีกครั้ง เมื่อ Ernesto ได้พบกับ <strong>ฟิเดล คาสโตร (Fidel Casto) </strong> นักปฎิวัติหนุ่มชาวคิวบา (ผู้นำประเทศคิวบาคนปัจจุบัน) เป็นครั้งแรกในช่วงเดือนกรกฎาคมของปี <strong>1955</strong> ซึ่งในขณะนั้น ฟิเดล คาสโตร ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่ม Moncadistas เดินทางไปเม็กซิโกเพื่อลี้ภัยทางการเมือง ภายหลังที่เขาพึ่งพ้นโทษ ในข้อหาหัวหน้ากบฎจากปฏิบัติการ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 1953 เพื่อโค่นล้มอำนาจประธานาธิบดีบาติสตา รัฐบาลผู้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และกดขี่ชาวคิวบาอย่างแสนสาหัส <div style="text-align: center;"> </div> <p> คาสโตร เริ่ม รวบรวมสมัครพรรคพวกใหม่ รวมทั้งแอบฝึกกองกำลังติดอาวุธกับเพื่อนที่ลี้ภัยทางการเมืองชาวคิวบา ที่เคยร่วมปฎิบัติการวันที่ 26 กรกฎาคม (M-26-7) มาด้วยกัน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการกลับไปปฏิวัติ นำประชาธิปไตยสู่ประเทศคิวบาอีกครั้ง โดยคาสโตรจะเน้นการรบแบบสงครามกองโจรเป็นหลัก Ernesto มีโอกาสได้เข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ด้วย โดยในการร่วมกับกลุ่มครั้งแรก Ernesto ทำหน้าที่เป็นหน่วยแพทย์ โดยมีชื่อสมาชิกว่า <strong>Che</strong> (ภาษาอาร์เจนตินา เป็นคำเรียกเพื่อนสนิท หรือเพื่อนตาย หรือ อาจใช้เป็นคำทักทายกัน ทำนองเดียวกับ Hey ก็ได้) โดยเหตุที่ Ernesto ได้รับชื่อ Che นี้ ก็เพราะตัวเขาเอง มักทักทายเพื่อน ๆ ในกลุ่มว่า Hey เสมอ ๆ</p><p> </p><div style="text-align: center;"> </div> <p> วันที่ 25 พฤศจิกายน <strong>1956</strong> กลุ่มคณะปฏิวัติรวมทั้งสิ้น 82 คน ออกเดินทางด้วยเรือยนตร์ขนาดเล็ก ชื่อ Granma จากเมือง Tuxpan ประเทศเม็กซิโกมุ่งหน้าสู่ประเทศคิวบา แต่เนื่องจากวันเดินทางเป็นคืนเดือนมืด และต้องแรมเรืออยู่ในทะเลราวเจ็ดคืน จึงขึ้นฝั่งที่คิวบาได้เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 1956 การเดินทางครั้งนั้นคณะปฏิวัติต้องประสบกับคลื่นลมแรง จนลูกเรือหลายคนเมาคลื่น รวมทั้งทำให้ขึ้นฝั่งผิดเป้าหมายที่วางแผนกันไว้ เป็นผลทำให้กองกำลังปฏิวัติถูกโจมตีโดยกองทัพของประธานาธิบดีบาติสตา จนแตกพ่ายที่เทือกเขาในเขตเมือง Sierra Maestra เหลือกำลังพลเพียง 12 คน เท่านั้น และหนึ่งในนั้นก็คือ Che Guevara </p><p> </p><div style="text-align: center;"> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_10812_02_12_05_che300.jpeg" alt="image" width="400" border="0" height="262" /> </div> <div style="text-align: center;"> </div> <p> </p><div style="text-align: center;"> </div> และด้วยวิธีปฏิบัติการรบแบบกองโจรของคาสโตรนั้นเอง ที่ทำให้ Che ต้องปรับเปลี่ยนตำแหน่งของเขาอย่างรวดเร็ว จากการทำหน้าที่เป็นเพียงหน่วยแพทย์ ก็ค่อย ๆ กลายเป็นนักรบที่ต้องจับอาวุธขึ้นต่อสู่โดยตรง และด้วยการปฏิบัติการที่เด็ดขาดแน่วแน่ รวมทั้งไหวพริบปฏิพานที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ทำให้ Che กลายเป็นทหารที่มีความสำคัญต่อกลุ่มในไม่ช้า <p> หลังจากหน้าที่ของกองกำลังแรก (Comandante en Jefe) ซึ่งเป็นกองเริ่มต้นภายใต้การบังคับบัญชาของ ฟิเดล คาสโตร สิ้นสุดลงในราวปลายปี 1956 เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม <strong>1957 </strong>Che ก็ได้ยกฐานะขึ้นทำหน้าที่เป็นผู้บังคับการกองกำลังทหารปฏิวัติช่วงที่สอง (Comandante der Rebellenarmee) ซึ่งเป็นหนึ่งจากที่มีทั้งหมด 9 ช่วงในการปฏิวัติครั้งนั้น นอกจากนั้นเขายังได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้บัญชาการของกลุ่ม II Kolonne อีกด้วย </p><p> </p><blockquote> นักรบกองโจร คือ คนที่เสมือนผู้นำทาง เขาจะต้องช่วยคนจนเสมอ เขาจะต้องมีความรู้พิเศษทางเทคนิค มีวัฒนธรรมและศีลธรรมสูง มีความอดทนยิ่งต่อความทุกข์ทรมาน และความยากลำบาก และมีความสำนึกทางการเมืองสูงด้วย <p> Che (Guevara) ผู้เชื่อมั่นในวิธีการต่อสู้ด้วยสงครามกองโจร</p><p> </p></blockquote> หลังจากกลุ่มของเขา ต่อสู้แบบกองโจรได้ราวสองปี แม้จะต้องแตกพ่ายในช่วงแรก แต่ในที่สุดวันที่ 1 มกราคม <strong>1959 </strong> ที่เมือง Santa Clara (ซานตาครูส) กองกำลังก็สามารถเข้ายึดอำนาจจากประธานาธิบดีบาติสตาได้อย่างเบ็ดเสร็จ แต่่ประธานาธิบดีบาติสตา สามารถ ลอบหนีออกจากคิวบาไปได้ทัน <div style="text-align: center;"> </div> <p> </p><div style="text-align: center;"> </div>ก่อนหน้าที่จะยึดอำนาจ ได้สำเร็จ กลุ่มของคาสโตมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่ม นายทุนอเมริกัน ผู้คาดหวังว่าจะมีโอกาสได้เข้ามากอบโกยในคิวบา โดยอาศัยชัยชนะของคาสโตร แต่คาสโตเองก็ขอรับการ สนับสนุนการปฏิวัติจากสหภาพโซเวียตด้วยในเวลาเดียวกัน และหลังจากการปฎิวัติสำเร็จลง คาสโตร เลือกที่ยืนอยู่ตรงกันข้ามกับสหรัฐอเมริกา ซึ่ง นั่นหมายถึง เขาเลือกอยู่ข้างค่ายคอมมิวนิสต์ <p> </p><div style="text-align: center;"> </div> <p> </p><div style="text-align: center;"> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_10814_02_12_05_che308.jpg" alt="image" vspace="15" width="200" align="left" border="0" height="236" hspace="15" /> </div> Che ได้รับสัญชาติคิวบา <strong>ในปี 1959</strong> ทั้งนี้เพื่อเป็นการขอบคุณเขา ในฐานะเป็นผู้ร่วมโค่นล้มบาติสตาลงได้ และนอกจาก ฟิเดล คาสโตร, หลุย์ คาสโตร, คามิโล คีนฟูโก แล้ว Che ก็มีตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลใหม่แห่งคิวบาด้วย โดยมีเป้าหมายเพื่อร่วมกันดำเนินการปฏิรูปประเทศในส่วนสำคัญ ๆ อย่างเร่งด่วน <p> อย่างไรก็ตาม ในรัฐบาลสังคมนิยมชุดนี้ แนวทางคอมมิวนิสต์ยังคงมีอิทธิพลต่อแนวคิดของ Che เสมอ และดูเหมือนจะเข้มแข็งมากกว่าแนวปฏิบัตินิยม และการเมืองนิยมของคาสโตร</p><p> จุดสูงสุดทางตำแหน่งทางการเมืองของ Che คือ ช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งเป็น ที่ปรึกษาเศรษฐกิจ และเป็นผู้อำนวยการ ธนาคารแห่งชาติของคิวบา ราวต้นปี <strong>1960</strong> รวมทั้งช่วงสั้น ๆ ของการเป็นรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมใน<strong> ปี 1961</strong> ด้วย </p><p> นอกจากงานทางด้านการเงิน การคลังแล้ว Che ยังได้รับมอบหมายงานที่เกี่ยวกับนโยบาย การปฎิรูปที่ดินในคิวบา โดยเขาเป็นผู้ผลักดัน และดำเนินการตามเป้าหมายแรกสุดของกลุ่ม ซึ่งตั้งเป้าจะทำให้ได้ภายหลังการปฏิวัติสำเร็จ ก็คือ ยึดที่ดินของนักธุรกิจทั้งหลายมาแปลงให้เป็นทรัพย์สินสาธารณะ แล้วแจกจ่ายให้กับประชาชนชาวคิวบาโดยทั่วหน้ากัน</p><p> </p><div style="text-align: center;"> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_10819_02_12_05_chespeaks.jpg" alt="image" vspace="15" width="200" align="right" border="0" height="166" hspace="15" /> </div> เมื่อเห็นว่า รัฐบาลของคาสโตร ประกาศยึดที่ดินจากนายทุน มาแจกจ่ายให้กับประชาชน โดยให้ผลตอบแทนนายทุนเพียงเล็กน้อย ฝ่ายข่าวกรอง นอกประเทศของสหรัฐ ก็ตัดสินใจเข้ามามีบทบบาทในการแทรกแซงการเมืองประเทศคิวบาทันที ด้วยการหันไปหนุนบาติสตาผู้สูญเสียอำนาจ ให้กลับมาช่วงชิงอำนาจคืนอีกครั้ง แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ฝ่ายอำนาจเก่า พ่ายแพ้ในการปะทะอย่างราบคาบ <div style="text-align: center;"> </div> <div style="text-align: center;"> </div> <div style="text-align: center;"> </div> <p> </p><div style="text-align: center;"> </div> ในช่วงเวลาที่เป็นผู้อำนวยการธนาคาร แห่งชาตินั้น Che กำหนดนโยบายที่ชัดเจนในเรื่อง เศรษฐศาสตร์การเมือง และกำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจ โดยอาศัยและชูแนวทาง "คุณธรรมจริยธรรม" เป็นพื้นฐานเท่านั้น เขาพยายามเรียกร้องให้คิวบา เลิกพึ่งพาความช่วยเหลือจากประเทศสหรัฐอเมริกาในทุก ๆ ด้าน แล้วหันไปขอความช่วยเหลือจากค่ายสหภาพโซเวียตแทน รวมทั้งให้ทุก ๆ คนใช้ชีวิตอย่างไม่ฟุ่มเฟือย สิ้นเปลือง Che เรียกโปรเจคชิ้นนี้ของเขาว่า <strong>“New Man”</strong> <p> แม้แนวคิดดังกล่าวจะถูกโต้แย้งอย่างมาก แต่ยิ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นแรงผลักให้ Che พยายามปฏิบัติตนให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า สิ่งที่เขาคิดเป็นเรื่องที่ทำได้จริง ๆ ไม่ใช่แค่เรื่องเพ้อฝัน</p><p> </p><div style="text-align: center;" align="left"> <p> </p></div> วันที่ 22 พฤษภาคม 1956 Che แยกทางกับ Hilda ซึ่งอยู่ที่เม็กซิโก แล้วแต่งงานใหม่ เมื่อวันที่ 2 มิถุนยน 1956 กับหญิงชาวคิวบา Aleida March ซึ่งทำงานเป็นหน่วยส่งเอกสาร ให้กับคณะปฏิวัติ ซึ่งได้รู้จักกันในระหว่างการสู้รบที่คิวบา ภายหลังการรับ ตำแหน่งสำคัญ ๆ เหล่านั้น Che ทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ เขาวางแผน ศึกษา เรียนรู้ ทั้งวันทั้งคืนเท่าที่จะทำได้ แม้เขาจะมีบุตรกับ Aleida 4 คน แต่ลูก ๆ ของเขาได้เจอเขาน้อยมาก เพราะเขาทำงานวันละ 18 ชั่วโมง <p> </p><div style="text-align: center;" align="left"> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_10817_02_12_05_normal_gbmche05.jpg" alt="image" vspace="5" width="284" align="left" border="0" height="169" hspace="5" /> </div> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_10816_02_12_05_normal_gbmche08.jpg" alt="image" vspace="5" width="273" border="0" height="159" hspace="5" /><p> Che ทำงานด้วยความสมัครใจของเขาเอง เขาปฏิเสธที่จะรับเงิน หรือผลประโยชน์ตอบแทนอื่น ๆ อันเนื่องมาจากการมีตำแหน่งนั้น ๆ ทั้งสำหรับตัวเขาเองและครอบครัว ครั้งใดที่ Aleida จำเป็นต้องใช้รถประจำตำแหน่ง Che จะจ่ายเงินค่าน้ำมันรถเอง เป้าหมายแห่งความพยายามในการดำรงชีวิตเหล่านี้ของ Che ก็คือ เขาอยากให้ใคร ๆ ได้เห็นภาพของวิธีคิดและการปฏิบัติตัว (New Man) โดย Che ยินดีที่จะเริ่มทำเป็นตัวอย่างให้เห็นก่อน </p><p> และด้วยการทำงานหนัก และการดำเนินการตามแผนเศรษฐกิจอย่างเคร่งครัดของ Che ในช่วงนั้นเอง ที่ช่วยทำให้เศรษฐกิจที่เคย </p><p> ล้มเหลวของคิวบากระเตื้องขึ้น รวมทั้งช่วยหยุดความขาดแคลนทั้งหลายที่เกิดขึ้นได้จนถึงทุกวันนี้ </p><p> <strong>1961</strong> Che ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม</p><p> <strong>1962</strong> เขาเปิดเจรจรข้อตกลงกับสหภาพโซเวียต (Union der Sozialistischen Sowjetrepubliken หรือ UdSSR ) เกี่ยวกับการขอความสนับสนุนด้านอาวุธ และด้านอื่น ๆ อย่างจริงจัง ภายหลังจากทีอเมริกาเริ่มไม่พอใจที่คิวบากระทำต่อนักธุรกิจอเมริกัน แล้วหันไปเข้ากับสหภาพโซเวียตแทน</p><p> </p><div style="text-align: center;"><br /></div> <p> อเมริกาเพิ่มแรงกดดันทางการทหารกับคิวบามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ชายฝั่งเมือง Havanna เรือสัญชาติฝรั่งเศษ (La Coubre) ถูกรอบวางระเบิด ในปี 1961 เป็นผลให้คนบนเรือตายไป 75 คน และอีก 200 คนได้รับบาดเจ็บ และรัฐบาลคิวบาสืบทราบว่า CIA เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการวางระเบิดครั้งนั้น </p><p> </p><div style="text-align: center;"> </div> <div align="left"> <p> </p></div> การยืนไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิตในครั้งนั้นเอง ที่ภาพของ Che ถูกบันทึกไว้ โดยช่างภาพชื่อ <strong>Alberto Diaz Korda</strong> แล้วถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฉบับบ่ายของวันที่ 5 มีนาคม 1960 <p> ในภาพซึ่งแสดงให้เห็นดวงตาที่ฉายแววแห่งความเศร้า ปนความโกรธ และความมุ่งมั่นดื้อรั้นของ Che ทำให้ภาพนั้นกลายเป็นภาพที่โด่งดังที่สุด ในบรรดาภาพถ่ายทั้งหลายของเขา เพราะเป็นเหมือนภาพสัญลักษณ์ของนักต่อสู้ และการปฏิวัติที่แน่วแน่ และยิ่งใหญ่ </p><div style="text-align: center;"> </div> <p> </p><div style="text-align: center;"> </div> <strong>1964-65</strong> Che เดินทางไปในหลายประเทศ เพื่อเจรจาเรื่องต่าง ๆ อาทิ ประเทศในทวีปเอเชีย สิงคโปร์ จีน หรือแม้แต่การเข้าประชุมกับองค์การสหประชาชาติ UN เพื่อประกาศความไม่สนใจ หรือไม่ต้องการพึ่งพาเศรษฐกิจจากประเทศสหรัฐอเมริกาอีกต่อไป อันเป็นการกล่าวคำปราศรัยที่โด่งดังที่สุดอีกครั้งหนึ่งของ Che<p> อย่างไรก็ตาม ในเดือนตุลาคม ปี <strong>1965</strong> คาสโต ได้รับจดหมายลาออกจาก Che มีใจความสำคัญว่า เขาขอสละตำแหน่งทางการเมืองทั้งหมด รวมทั้งสัญชาติคิวบาด้วย เพื่อที่เขาจะได้กลับไปต่อสู้กับลัทธิจักรวรรดินิยม อีกครั้ง </p><p> </p><blockquote> ผมไม่ได้ทิ้งสมบัติอะไรไว้ให้ภรรยา และลูกๆ ของผม แต่ผมไม่ได้รู้สึกเสียใจเลย กลับรู้สึกมีความสุขเสียอีก ที่มันเป็นไปอย่างนี้ (จดหมายลา ถึงคาสโตร)<p> </p></blockquote> <div style="text-align: center;"> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_10815_02_12_05_che799.jpeg" alt="image" vspace="15" width="169" align="right" border="0" height="217" hspace="15" /> </div> ครั้งนั้นเองที่แสดงให้เห็นว่า แม้ Che Cuevara จะได้ดำรงตำแหน่งสำคัญ ๆ ในประเทศคิวบา และเป็นบุคคลสำคัญอัน เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกแล้ว ก็ตาม แต่ด้วยวิญญาณแห่งการปฏิวัติที่ไม่เคยมอดไหม้ ประกอบกับความตั้งใจแน่วแน่ของเขา ที่จะช่วยประชาชนชาวอเมริกาใต้ให้หลุดพ้นจากการถูกกดขี่ข่มเหง โดยไม่เคยคิดแบ่งแยกเชื้อชาติหรือสัญชาติ ยศฐาบรรดาศักดิ์ และทรัพย์สมบัติทั้งหลาย ก็ไม่อาจทำลายแนวคิดเหล่านั้นลงได้ <p> </p><div style="text-align: center;"> </div> <div style="text-align: center;"> </div> <p> อย่างไรก็ตาม เคย มีผู้กล่าวว่า หนึ่งในหลาย ๆ เหตุผลที่ Che ตัดสินใจกลับเข้าป่า แล้วปฏิวัติอีกครั้ง ทั้งที่อายุย่างเข้าวัยกลางคน แถมยังมีโรคหืดหอบประจำตัวด้วย ก็คือ ความไม่สมหวังในการสร้างคิวบา </p><p> Che ชิงชังความเห็นแก่ตัว และการให้ความช่วยเหลืออย่างเสียไม่ได้ที่โซเวียต และประเทศยุโรปตะวันออกในยุคครุสชอพ มอบให้แก่ประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย Che จึงตัดสินใจลอกคราบการเป็นนักบริหาร และนักการฑูตของคิวบา ซึ่งตัวเขาเป็นมาหลายปีทิ้งไปแบบไม่ไยดี แล้ว หันกลับไปหาความจริงใจในป่า แล้วมุ่งทำงานปฏิวัติอย่างไม่หยุดหย่อน ในประเทศอื่น ๆ ที่ยังตกอยู่ภายใต้ ลัทธิจักวรรดินิยม โดยเขาเตรียมพร้อมที่จะใช้ชีวิต และความรู้สึกเยี่ยงมนุษย์ที่ยากจนที่สุด อีกครั้ง</p><p> </p><div style="text-align: center;"> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_10821_02_12_05_congo003.jpg" alt="image" vspace="20" width="325" align="left" border="0" height="225" hspace="20" /> </div> <p> </p><div style="text-align: center;"> </div> <p> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_10822_02_12_05_normal_che303s.jpg" alt="image" border="0" /></p><p> </p><div style="text-align: center;"> <p> </p></div> <p> Che พร้อมเพื่อน ๆ อีกจำนวนหนึ่งเข้าร่วมสงครามปฏิวัติที่ คองโก ในทวีปแอฟริกา <strong>ในปี 1965</strong> แต่ก็ล้มเหลว จากนั้นปี <strong>1966</strong> เขาเดินทางเข้าไปยังประเทศโบลิเวีย เพื่อร่วมกับกลุ่มกบฏโบลิเวีย ทำสงครามปฏิวัติโค่นล้มรัฐบาลเผด็จการโบลิเวียในสมัยนั้น </p><p> </p><div style="text-align: center;"> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_10820_02_12_05_congo005.jpg" alt="image" vspace="15" width="304" align="left" border="0" height="227" hspace="15" /> </div> <p> กลุ่มนักรบของ Che ราว 44 คน พยายามนำยุทธวิธีการรบแบบกองโจร ที่ใช้ได้ผลมาแล้วสมัยสู้รบกับคาสโตครั้งปฏิวัติคิวบา มาใช้อย่างเต็มที่ แต่ด้วยความแตกต่างกันทาง ด้านลักษณะภูมิประเทศ อีกทั้งแนวคิดพื้นฐานของชาวโบลิเวีย ที่แตกต่างไปจากชาวคิวบา ทำให้วิธีการของเขาใช้ไม่ค่อยได้ผล แม้ในด้านหนึ่ง ชาวบ้านโบลิเวียจะเห็นด้วย และชื่นชมกลุ่มของเขา แต่ก็มีชาวบ้านอีกจำนวนไม่น้อยที่พร้อมจะหักหลังกลุ่มของพวกเขาเช่นกัน</p><p> กองกำลังปฏิวัติของ Che โดนตีแตกกระจาย หัวหน้ากลุ่มที่แตกไปถูกฆ่าตายตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม <strong>1967</strong> </p><p> ส่วน Che และพวกที่เหลืออีกเพียง 14 คน โดนยิงบาดเจ็บ และถูกจับได้ในเดือนตุลาคม 1967 โดยกองกำลังทหารของรัฐบาลโบลิเวีย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก CIA ของสหรัฐอเมริกา ที่ La Higuera อันเป็นเขตพื้นที่เล็ก ๆ ในเทือกเขา Cordillera ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของโบลิเวีย </p><p> Che ถูกจองจำไว้ที่ La Higuera โดยมีเจ้าหน้าที่ของ CIA โดยมี Felix Rodríguez ผู้ลี้ภัยชาวคิวบา ทำหน้าที่สอบปากคำ Che ในฐานะเชลยศึก และโดยไม่มีการพิพากษาใด ๆ ทั้งสิ้นในชั้นศาล Che ถูกสั่งฆ่าด้วยการยิงเป้า เมื่อ<strong>วันที่ 9 ตุลาคม 1967 เวลา 13.10 น.</strong> จบชีวิตนักปฏิวัติที่มุ่งมั่น ด้วยวัยเพียง 39 ปี </p><p> </p><div style="text-align: center;"> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_10823_02_12_05_gbmche10.jpg" alt="image" vspace="15" width="200" align="left" border="0" height="185" hspace="30" /> </div> <div style="text-align: center;"> </div> <div style="text-align: center;"> </div> <p> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_10824_02_12_05_chevive.jpeg" alt="image" border="0" /> </p><p> </p><div style="text-align: center;"> </div> <div style="text-align: center;"> </div> ภายหลังการถูกฆาตรกรรม ร่างของ Che ถูกทำให้ไร้ร่องรอย มือทั้งสองข้างของเขาถูกตัดทิ้งเพื่อปิดช่องทางในการพิสูจน์ตัวตน ร่างของ Che ถูกนำไปฝังในสถานที่ลับแห่งหนึ่ง ซึ่งห่างจากเมือง Vallegrande ราว 30 กิโลเมตร (เมืองเล็ก ๆ ในโบลิเวีย ห่างจากซานตาครูซประเทศคิวบาราว 125 กิโลเมตร) แต่ในที่สุด โครงกระดูกของ Che ก็ถูกค้นพบเมื่อปี <strong>1997</strong> โดยนักวิทยาศาสตร์ในโบลิเวียเป็นผู้พิสูจน์ ว่าโครงกระดูกนั้นเป็นของ Che Guevara จริง ๆ <p> </p><div style="text-align: center;"> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_10825_02_12_05_Chebones.jpg" alt="image" vspace="15" width="305" align="left" border="0" height="230" hspace="15" /> <div style="text-align: center;"> <p> </p></div> </div> <p> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_10828_02_12_05_Denkmal.jpg" alt="image" width="150" border="0" height="200" /></p><p> กระดูกของเขา ถูกส่งกลับไปยังเมืองซานตาครูส ประเทศคิวบา สถานที่ที่เขาเคยเป็นวีรบุรุษ ผู้ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับประธานาธิบดี ฟิเดล คาสโตร เมื่อปี 1958 เพื่อล้มรัฐบาลกดขี่ของบาติสตา คิวบาเก็บโครงกระดูกของ Che ไว้ที่ <strong>Mausoleum</strong> หลุมฝังศพอันทรงเกียรติในซานตาครูซ และที่นั่นเอง (รวมทั้งอีกหลาย ๆ แห่งทั่วประเทศคิวบา) ชาวคิวบาได้สร้างอนุเสารีย์ <strong>Ernesto Che Guevara</strong> ในรูปที่พวกเขาคุ้นเคย คือ มือหนึ่งถือปืน ส่วนแขนข้างซ้ายเข้าเฝือกไว้ ขึ้นเป็นตัวแทนแห่งวีรบุรุษนักปฏิวัติ ที่ต่อสู้เพื่อปลดปล่อยชนชั้นล่างของสังคมจากการกดขี่ข่มเหงของนายทุน ใน ลัทธิจักวรรดินิยม</p><p> นอกจากนี้ ยังมีการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ Che Guevara เพื่อแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติชีวิต และการต่อสู้ของ Che เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมด้วย </p><p> </p><blockquote> <div style="text-align: center;"> </div> <div style="text-align: center;"> </div> <div style="text-align: center;"> </div> <div style="text-align: center;"> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_10826_02_12_05_logo-che.jpg" alt="image" vspace="15" width="127" align="right" border="0" height="192" hspace="15" /> </div> <strong>แนวคิดสังคมนิยมของ Che</strong> มีความหมายมากกว่า การพัฒนาทางวัตถุ หรือมุ่งเน้นแต่เรื่องการยกระดับการครองชีพ<p> "คุณภาพชีวิตจะดีขึ้น ก็ด้วยการทำให้ ความหมายของการครองชีวิต ดำเนินควบคู่ไปกับความก้าวหน้าทางวัตถุ...ผู้ใช้แรงงานจะได้รู้สึกว่า การทำงาน เป็นความภาคภูมิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์...</p><p> ลัทธิทุนนิยม คือสิ่งที่เข้ามาติดสินบนความภาคภูมิใจของคนงาน และเปลี่ยนพวกเขาไปสู่ความละโมบเพื่อตัวเอง ซึ่งนั่นเป็นความใฝ่ฝันผิด ๆ เพราะพวกเขาทำงานเพื่อเงิน ไม่ใช่ทำงานเพื่องานของสังคม </p><p> การพัฒนาจิตสำนึก หมายถึง การปลุกเร้าให้กรรมกรทำงานด้วยความเต็มใจและยินดี ไม่ใช่เพื่อความทะเยอทะยานส่วนตัว หรือเพราะความกลัวส่วนบุคคล แต่เพื่อให้บรรลุอุดมการณ์ของพวกเขาเอง เพื่อความเชื่อในตัวผู้นำของเขา และเพื่ออนาคตที่ดีกว่าของระบบสังคมโดยรวม ซึ่งนั่นมันจะย้อนกลับมาสู่ตัวพวกเขาเองในภายหลัง โดยมีรัฐเป็นผู้ดูแล ตอบสนองสิ่งที่เขาต้องการทุกอย่าง </p><p> และด้วยวิธีนี้ จะทำให้คนงานสามารถใช้แรงงานเพื่อสิ่งที่ดีงามอย่างสมบูรณ์ จนกระทั่งเงินตรากลายเป็นสิ่งล้าสมัย เหมือนกับการค้าทาสที่ต้องสิ้นสุดลง"</p><p> </p><div style="text-align: center;"> </div> นั่นคือ สังคมในอุดมคติของ Che เป็นฝันไกลที่มนุษย์ยังไปไม่ถึง แม้แต่ประเทศที่ปกครองด้วยระบบสังคมนิยม หรือคอมมิวนิสต์เองก็ตาม แต่ก็ไม่ควรด่วนสรุปว่า ความฝันแบบนี้ ไม่มีความหมายใด ๆ เลย เพราะครั้งหนึ่ง มันก็เคยกระตุ้น คนหนุ่มสาว ให้ร่วมฝัน ร่วมสู้ และร่วมสร้าง มาแล้ว <p> </p></blockquote> <div style="text-align: center;"> </div> เคยมีผู้กล่าวว่า สิ่งที่ Che ทำนั้น มันไม่เคยสำคัญเลยว่า เขาจะประสบความสำเร็จ หรือล้มเหลว จิตใจ ความมุ่งมั่น และการได้ลงมือทำอย่างเอาจริงเอาจังของเขา ชนิด ที่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังหาคนทำเช่นนั้นไม่ได้ ต่างหากที่สำคัญยิ่งกว่า เพราะมันคือการกระทำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตใจที่ดีงาม อยากช่วยปลดปล่อยชนชั้นกรรมาชีพผู้ถูกกดขี่ และไม่เคยได้รับความเป็นธรรม<p> และซากความฝันของ Che ก็ยังอาจมีพลังจาง ๆ แอบแฝงอยู่ในสังคมปัจจุบัน สังคมที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่งแนวทางทุนนิยมสุดโต่ง อยู่บ้างก็เป็นได้ </p><p> </p><div style="text-align: center;"> <img src="http://www.biolawcom.de/Image/article_10827_02_12_05_che57.jpeg" alt="image" border="0" /> </div> <p> คงเพราะ Che Geuvara ไม่ยึดติดกับตำแหน่งใหญ่โตในคิวบา และไม่ได้ทำทุก ๆ อย่างเพื่อความสุขสบายของตัวเขาเองและครอบครัวเลย เขาจึงกลายเป็นตำนาน ในจิตใจคนหนุ่มสาวทั่วโลก แม้เวลาจะผ่านมานานถึง 30 กว่าปีแล้วก็ตาม </p><div style="text-align: center;"> </div> <p> ที่มา และแหล่งข้อมูล : <strong><a href="http://de.wikipedia.org/wiki/Che_Guevara" target="_blank">Wikipedia</a></strong>, <strong><a href="http://www.che-lives.com/home/index.php" target="_blank">Che-Lives.com</a></strong></p>kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-24846658916863047142009-11-30T09:48:00.000-08:002009-12-21T16:18:26.430-08:00So Cool<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg3dUmNgdPJJL76qi4nbIqzQR2iA3Sz3zQ3pY-XhmfwLYMkmi9kg4yttrnwTsgNGcAXOFKBMssZ03rBW65QHcOS1RSgVn0xTdeA8oewXZQ72Fa60_vDw22bfEQMBgq8VugIDRyHhttCpRbc/s1600/socoolpairoorom.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px; height: 320px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg3dUmNgdPJJL76qi4nbIqzQR2iA3Sz3zQ3pY-XhmfwLYMkmi9kg4yttrnwTsgNGcAXOFKBMssZ03rBW65QHcOS1RSgVn0xTdeA8oewXZQ72Fa60_vDw22bfEQMBgq8VugIDRyHhttCpRbc/s320/socoolpairoorom.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5409955653158708642" border="0" /></a><div style="text-align: center;"><span style="font-size:130%;"><span style="font-weight: bold;">So Cool </span></span></div><br /><span style="font-weight: bold;">วงโซคูล (อังกฤษ: So Cool) </span>เป็นวงร็อกรุ่นใหม่ที่ยึดเอาความเป็นไทยมาเป็นเอกลักษณ์ ในเครือ GMM Grammy สังกัด อัพจี มีเพลงที่ได้รับความนิยมมากมาย เช่น คนเจียมตัว อกหักจากมือถือ เลี้ยงส่ง คนถัดไป ซากอ้อย ย้อมใจ ฟ้าสาป Messageผิดเบอร์ Outใจ คนขำๆ ไผ่ลู่ลม บาดตา สวรรค์ไม่มีตา และ ลิขิตฟ้า<br /><br />สมาชิกในวงโซคูลทุกคนเป็นคนจังหวัดพิษณุโลก โจ๊กกับมาร์ช เป็นพี่น้องกัน ส่วนแจนกับเจมส์ก็เป็นพี่น้องกัน ทั้งสี่คนนี้จะอยู่บ้านใกล้กัน เมื่อวงโซคูลว่างงานก็มักจะกลับบ้านเกิด บางครั้งก่อนจะมีคอนเสิร์ตก็จะมีการซ้อมดนตรีก่อนเล่นจริง<br /><br />ก่อนที่พวกเขาจะได้มาเป็นนักร้อง เขาได้ไปประกวดวงดนตรียามาฮ่า และตามจังหวัดบ้านเกิดอยู่หลายครั้ง จนได้รางวัลชนะเลิศมาหลายครั้ง จึงได้มีโอกาสได้มาเป็นนักร้องค่ายแกรมมี่<br /><br />โซคูลเคยมีสมาชิกด้วยกัน 4 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นญาติพี่น้องกัน แต่ในปี พ.ศ. 2551 ได้มีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก 1 คนคือ กอล์ฟ ชาวจังหวัดสุโขทัย รวมเป็น 5 คน เป็นนักร้องนำคู่กับโจ๊ก ซึ่งเป็นนักร้องคนเดิม โดยโจ๊กได้เห็นฝีมือของกอล์ฟจากการร้องเพลงเปิดตัวให้วงโซคูลก่อนขึ้นเล่นใน คอนเสิร์ตของโซคูลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดพะเยา จึงตั้งใจจะให้กอล์ฟออกอัลบั้มเดี่ยว แต่ด้วยความสนิทสนมกันจึงได้ตัดสินใจพาเข้าร่วมวงจนถึงปัจจุบัน<br /><br /><h2><span style="font-size:130%;"><span class="mw-headline" id=".E0.B8.AA.E0.B8.A1.E0.B8.B2.E0.B8.8A.E0.B8.B4.E0.B8.81">สมาชิก</span></span></h2><ul><li>โจ๊ก <b>พรภพ จันทร์เจริญ</b> (กีตาร์ / ร้องนำ/ แสดงนำในมิวสิกวิดีโอ) (เกิด 22 เมษายน พ.ศ. 2528)</li><li>กอล์ฟ <b>อดิเทพ ประสงค์</b> (ร้องนำ) เป็นสมาชิกใหม่ ที่เข้าร่วมกับวงโซคูลตั้งแต่อัลบั้ม <b>Five</b> เป็นต้นไป (เกิด 3 พฤษภาคม)</li><li>แจน <b>ปริญญา ทองสุข</b> (กีตาร์) (เกิด 10 มกราคม พ.ศ. 2527)</li><li>เจมส์ <b>ศุภลักษณ์ ทองสุข</b> (เบส) (เกิด 11 สิงหาคม พ.ศ. 2532)</li><li>มาร์ช <b>ภูพิณ จันทร์เจริญ</b> (กลอง) (เกิด 8 กันยายน พ.ศ. 2532)</li></ul><span style="font-size:130%;"><span style="font-weight: bold;">ประวัติ</span></span><br /><br /><p>แรกเริ่มเดิมที วงโซคูลมีสมาชิก 4 คน ซึ่งประกอบด้วยพี่น้องแท้ ๆ 2 ครอบครัว ได้แก่ โจ๊กกับมาร์ช และ แจนกับเจมส์ ทั้ง 2 ครอบครัวนี้เป็นญาติกัน กล่าวคือ ตาของโจ๊กและมาร์ช เป็นพี่ชายของยายของแจนและเจมส์ ทุกคนในวงขณะนั้นสนใจเครื่องดนตรีเดียวกันหมดนั่นคือกีต้าร์ เหล่าบรรดาญาติจึงหากีต้าร์เก่า ๆ มาให้ครบทุกคน หลังจากนั้นพวกเขาจึงคิดอยากตั้งวงขึ้น มาร์ชเปลี่ยนไปเล่นกลองให้กับวง และเจมส์ก็ถูกแจนบังคับให้ไปเล่นเบส วงโซคูลขณะนั้นได้ห้องซ้อมเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ ติดกับบ้านยายของโจ๊ก มีเพื่อนบ้าน 3-4 คนพยายามจะเข้าวงด้วย แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน</p> <p>วงโซคูลมีวงโลโซเป็น ทั้งแรงบันดาลใจ ต้นแบบ และเป็นแม่พิมพ์เดียวในยุคนั้นที่โซคูลเดินตามรอยเท้า พวกเขาเล่นดนตรีจนเป็นเรื่องเป็นราวโดยไม่รู้ตัว พวกเขาได้ไปเล่นดนตรีให้กับงานหลายงาน ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน งานวัด งานเทศกาล หรือเล่นในสถานพินิจ ครั้งหนึ่งเขาได้ออกทางสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง เป็นงานวันเด็ก ทางสถานีต้องการให้ทางวงระบุชื่อวง โจ๊กจึงได้วิธีเปิดพจนานุกรมแบบสุ่มจนกระทั่งเจอคำว่า มิลเลเนียม (millennium) จึงนำมาเป็นชื่อวงในยุคนั้น ต่อมาพวกเขาก็เปลี่ยนชื่อวงอีกครั้ง โดยจะต้องเป็นชื่อที่มั่นคงและแน่นอน โจ๊กให้ผู้เป็นอาคัดชื่อภาษาอังกฤษไว้หลาย ๆ ชื่อ และโจ๊กก็ได้เลือกชื่อ so cool ซึ่งแปลว่า "เจ๋ง" เพราะรู้สึกสะดุดตา และเป็นชื่อที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในประเทศไทยยุคนั้น</p> <p>วงโซคูลเคยผ่านการแสดงดนตรีมากว่า 100 เวที เคยประกวด 3-4 ครั้ง แพ้ 1 ครั้ง การประกวดครั้งสุดท้ายเป็นการประกวดถ้วยพระราชทานชิงแชมป์ประเทศ ซึ่งรางวัลที่หนึ่งจะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งชิงแชมป์เอเชีย การแข่งขันแบ่งเป็นสองรุ่น ซึ่งจะคัดเทปเดโม่ 10 ม้วนจากทั้งประเทศ วงโซคูลส่งไป 2 เพลงตามกฎ ได้แก่เพลง <i>เข้ามาเลย</i> ของวงโลโซ และอีกหนึ่งเพลงแต่งเอง (ดนตรีแบบเดียวกับเพลงอกหักจากมือถือ) วงโซคูลซ้อมอย่างหนักหน่วงทุกวัน พวกเขาเช่าห้องซ้อม 1-2 ชั่วโมงหลังเลิกเรียนตอนเย็นเพื่อซ้อมดนตรี เมื่อถึงวันประกาศผล ปรากฏว่าเทปเดโม่ของวงโซคูลก็เป็น 1 ใน 10 ม้วนจริง ๆทำให้พวกเขารู้สึกคึกคักและท้าทายมากขึ้น ในวันแข่งขัน แต่ละวงก็แสดงความสามารถของตนเต็มที่ รวมถึงโซคูล ผลการประกวดรอบสุดท้ายประกาศว่าวงโซคูลได้รับรางวัลชนะเลิศและรางวัลการแสดงยอดเยี่ยมซึ่งจะพาพวกเขาแข่งชิงแชมป์เอเชียในฐานะตัวแทนประเทศไทย แต่ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เนื่องจากเหตุการณ์วินาศกรรมวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2544 จึงทำให้การแข่งขันถูกยกเลิกไป</p><h3><span class="mw-headline" id=".E0.B8.AD.E0.B8.B1.E0.B8.A5.E0.B8.9A.E0.B8.B1.E0.B9.89.E0.B8.A1.E0.B9.80.E0.B8.95.E0.B9.87.E0.B8.A1" style="font-size:100%;">อัลบั้มเต็ม</span></h3><ul><li><b><span style="font-size:100%;">So Cool</span> (</b>16 มีนาคม พ.ศ. 2547<b>)</b><h3><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj9OHrU1JGjX1X3Lg-xzrHiGz_FjZcH12F35XnA5S8wjNToGho74Wbu_M1zdZm8RMtfuXclRjH-bEk69eVfRzcoEAfqOL72y1NfvtoNOOlqsil4MgklSa5zKG8rt0fgW4KbZN_90OzlJvuB/s1600/268.jpg"><img style="margin: 0pt 0pt 10px 10px; float: right; cursor: pointer; width: 200px; height: 200px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj9OHrU1JGjX1X3Lg-xzrHiGz_FjZcH12F35XnA5S8wjNToGho74Wbu_M1zdZm8RMtfuXclRjH-bEk69eVfRzcoEAfqOL72y1NfvtoNOOlqsil4MgklSa5zKG8rt0fgW4KbZN_90OzlJvuB/s200/268.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5409959751843288146" border="0" /></a></h3> <ol><li><b>คนเจียมตัว</b> </li><li>โอ้แม่ดอกฟ้า </li><li>หนาวใจ</li><li>สาวๆฟังทางนี้</li><li>อยู่เป็นเพื่อนเธอ</li><li>You are so cool</li><li><b>อกหักจากมือถือ</b></li><li>อายเพื่อนเธอ</li><li>ซึมเซา</li><li>ขอให้ฝัน</li></ol></li></ul><br /><br /><br /><ul><li><b><span style="font-size:100%;">So Hot</span> (</b>26 สิงหาคม พ.ศ. 2548<b>)</b></li></ul><ol><li><b>คนมันแรง</b><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgNDZ0_oz3pMXTX1PhEbGugaywnOtURKq2eI0TcDtWASDx00d6ZwzsCTVeO3Wb8uCt-3rZ65tpkaudUfvhrTJ7h_Eyl9at9j9ZfvhHgtoCku1wK8jJw6NlAE5v2sNLSTkLa86Ylth2Rwh9n/s1600/267.jpg"><img style="margin: 0pt 0pt 10px 10px; float: right; cursor: pointer; width: 200px; height: 200px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgNDZ0_oz3pMXTX1PhEbGugaywnOtURKq2eI0TcDtWASDx00d6ZwzsCTVeO3Wb8uCt-3rZ65tpkaudUfvhrTJ7h_Eyl9at9j9ZfvhHgtoCku1wK8jJw6NlAE5v2sNLSTkLa86Ylth2Rwh9n/s200/267.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5409960474164069218" border="0" /></a></li><li><b>เลี้ยงส่ง</b></li><li>ขอเบอร์</li><li><b>คนถัดไป</b></li><li>ไม่อยากกินโจ๊ก</li><li>หมูไปไก่ไม่มา</li><li>เผื่อใจไม่เป็น</li><li><b>ซากอ้อย</b></li><li>ไทยยิ้ม</li><li>ก่อนสิ้นแสงดาว</li></ol><br /><br /><br /><ul><li><b><span style="font-size:100%;">Soda</span> <span><span>(27 มิถุนายน พ.ศ. 2549</span></span>)</b></li><li> <ol><li><b>ย้อมใจ</b> </li><li><b>ฟ้าสาป</b></li><li>So Cool มาแล้ว<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh-H_ybWW5izwRVEjMDzGa2I8OSSdVFl9o4x8CA3B5WddpfhwG_czm32UBdUVUZmnpYccNCMo0RtoIVRBZMRn17yr2BE01hVhO5t_KoXFF-8JW9v4GFHmKgbVQchoRKaLNHQDVymCdp5QgG/s1600/r-17342.jpg"><img style="margin: 0pt 0pt 10px 10px; float: right; cursor: pointer; width: 200px; height: 200px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh-H_ybWW5izwRVEjMDzGa2I8OSSdVFl9o4x8CA3B5WddpfhwG_czm32UBdUVUZmnpYccNCMo0RtoIVRBZMRn17yr2BE01hVhO5t_KoXFF-8JW9v4GFHmKgbVQchoRKaLNHQDVymCdp5QgG/s200/r-17342.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5409961483276427154" border="0" /></a></li><li>ขอใช้คำว่าแฟนก่อน</li><li>เธอสวยขาด</li><li>เพลงดิ้น</li><li>ลับลมคมใน</li><li>รักบานปลาย</li><li>สาวสมิง</li><li>ศรรัก</li></ol> </li></ul><br /><br /><br /><ul><li><b><span style="font-size:100%;">Never Die My Love</span> (</b>17 กรกฎาคม พ.ศ. 2550<b>)</b><h3><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhO4zlu-cBv6fr6zGrpFosU1N5ln1kp7UZ8O75Dv0eO74GpCqLpYIObL99OLzRXq3o5OCIr8PVBpaIrNHSXEV4T4-OpmEVm2CPLGZ6k1sauikSc0kRzksOn4b2VhtZ3y5NPpdrtxLC0Jy5N/s1600/4982.jpg"><img style="margin: 0pt 0pt 10px 10px; float: right; cursor: pointer; width: 200px; height: 200px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhO4zlu-cBv6fr6zGrpFosU1N5ln1kp7UZ8O75Dv0eO74GpCqLpYIObL99OLzRXq3o5OCIr8PVBpaIrNHSXEV4T4-OpmEVm2CPLGZ6k1sauikSc0kRzksOn4b2VhtZ3y5NPpdrtxLC0Jy5N/s200/4982.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5409962268356338210" border="0" /></a></h3> <ol><li><b>Message ผิดเบอร์</b> </li><li><b>Out ใจ</b></li><li>กิ่งทองใบตำแย</li><li>กล้าได้อายอด (Now U have boyfriend)</li><li>สะพานควาย</li><li><b>คนขำๆ</b></li><li>Never Die </li><li>คนไม่รู้จักพอ</li><li>ก.ข.ค.</li><li>เค้กในงานแต่ง</li></ol></li></ul><br /><br /><ul><li><b>Five (</b>19 สิงหาคม พ.ศ. 2551<b>)</b><h3><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg-ifRDspjZsuJd35_3NG2OAGNJdXim7JO19RWR6sNvww4oHTYo-R2DlBYVssGQk1vkCOqbMMZRiFBSGGUtNVmcD2aWMg6It9Ql6G6rjouKjjj6CQhI53aVsTjVFrSsslxFrkhKNrHCQgns/s1600/85.jpg"><img style="margin: 0pt 0pt 10px 10px; float: right; cursor: pointer; width: 200px; height: 200px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg-ifRDspjZsuJd35_3NG2OAGNJdXim7JO19RWR6sNvww4oHTYo-R2DlBYVssGQk1vkCOqbMMZRiFBSGGUtNVmcD2aWMg6It9Ql6G6rjouKjjj6CQhI53aVsTjVFrSsslxFrkhKNrHCQgns/s200/85.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5409963094526653650" border="0" /></a></h3> <ol><li><b>ไผ่ลู่ลม</b> (โจ๊ก / กอล์ฟ) </li><li>ใจไม่เชื่อง (โจ๊ก) </li><li><b>บาดตา</b> (กอล์ฟ) </li><li>สวรรค์ไม่มีตา (กอล์ฟ) </li><li>รับกลับ (โจ๊ก / กอล์ฟ)</li><li>ไฟไม่สิ้นเชื้อ (กอล์ฟ) </li><li>ลิขิตฟ้า (โจ๊ก) </li><li>โรคหัวใจ (กอล์ฟ) </li><li>Joker (โจ๊ก / กอล์ฟ) </li><li>Converse (โจ๊ก)</li></ol> </li></ul>หมายเหตุ ชื่อเพลงที่มี<b>ตัวหนา</b> คือเพลงที่ถูกนำมาโปรโมท<br /><br /><h3 style="color: rgb(0, 0, 0);"><span style="font-size:100%;"><span class="mw-headline" id=".E0.B8.AD.E0.B8.B1.E0.B8.A5.E0.B8.9A.E0.B8.B1.E0.B9.89.E0.B8.A1.E0.B8.9E.E0.B8.B4.E0.B9.80.E0.B8.A8.E0.B8.A9">อัลบั้มพิเศษ</span></span></h3> <ul><li><b>So Hits </b>(27 ตุลาคม พ.ศ. 2549) เป็นอัลบั้มรวมเพลงฮิตตั้งแต่อัลบั้ม So Cool ถึง Soda และมีเพลงใหม่ 2 เพลงคือ <b>ขอเดท</b> และ <b>รักต้องแสดงออก</b></li></ul><br /><h3 style="color: rgb(0, 0, 0);"><span style="font-size:100%;"><span class="mw-headline" id=".E0.B9.80.E0.B8.9E.E0.B8.A5.E0.B8.87.E0.B8.9E.E0.B8.B4.E0.B9.80.E0.B8.A8.E0.B8.A9">เพลงพิเศษ</span></span></h3> <ul><li><b>โจ๊ก พันธุ์ทิพย์</b> (โจ๊ก)</li></ul><br /><span style="font-size:100%;"><span style="font-weight: bold;">คอนเสริ์ต</span></span><br /><p>โซคูลได้ทัวร์คอนเสิร์ตไปทุกที่ทุกแห่งทั่ว<a href="http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2" title="ประเทศไทย"></a><span><span>ประเทศไทย</span></span> เคยไปร่วมเล่นกับศิลปินกลุ่มอื่นเช่น<span><span> แคลช เสก โลโซ</span></span><a href="http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3_%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2" title="เสกสรร สุขพิมาย"></a> ถึงแม้วงโซคูลยังไม่เคยมี<span><span>คอนเสิร์ต</span></span>ใหญ่เป็นของตัวเองก็ตาม แต่พวกเขาก็เคยแสดงคอนเสิร์ตในงานต่างๆมากมาย เช่น</p> <ul><li>รายการ 7 สีคอนเสิร์ต ทางช่อง 7 ถึง 5 ครั้งด้วยกัน ดังนี้ <ul><li><b></b><br /></li></ul></li></ul><span><span><span style="font-weight: bold;">ครั้งที่ 1</span> (พ.ศ. 2547) เป็นครั้งแรกของโซคูลที่เล่นในคอนเสิร์ตนี้ โดยพวกเขาเล่นร่วมกับวงบูโดกัน โดยเขาได้เล่นเพลง คนเจียมตัว อกหักจากมือถือ คนเจียมตัว(อีกครั้ง) และเพลง You are so cool<br /><span style="font-weight: bold;">ครั้งที่ 2 </span>(พ.ศ. 2547) โซคูลกลับมาเล่นคอนเสิร์ตอีกครั้ง โดยคราวนี้เล่นวงเดียว เพลงที่ได้เล่นคือเพลง คนเจียมตัว สาวๆฟังทางนี้ โอ้แม่ดอกฟ้า อกหักจากมือถือ อมพระมาพูด(ของ Bird Sek) อายเพื่อนเธอ คนเจียมตัว(อีกครั้ง) และ You are so cool<br /><span style="font-weight: bold;">ครั้งที่ 3</span> (พ.ศ. 2548) พวกเขากลับมาเล่นคอนเสิร์ตนี้พร้อมผลงานชุดที่ 2 อัลบั้ม SO HOT ครั้งนี้ได้เล่นร่วมกับวง แบล็กเฮด ได้เล่น 3 เพลงคือ เลี้ยงส่ง คนถัดไป และคนมันแรง<br /><span style="font-weight: bold;">ครั้งที่ 4</span> (พ.ศ. 2549) พวกเขากลับมาเล่นคอนเสิร์ตนี้พร้อมผลงานชุดที่ 3 อัลบั้ม SODA ครั้งนี้ได้เล่นวงเดียว เพลงที่เล่นคือ So Cool มาแล้ว ขอใช้คำว่าแฟนก่อน ลับลมคมใน ฟ้าสาป เพลงเมดเลย์เพลงเก่า : คนเจียมตัว ซากอ้อย เลี้ยงส่ง และต่อด้วย ย้อมใจ เพลงดิ้น และสาวสมิง<br /><span style="font-weight: bold;">ครั้งที่ 5</span> (25 สิงหาคม พ.ศ. 2550) พวกเขากลับมาเล่นคอนเสิร์ต วงเดียว โดยนำเพลงจากชุดที่ 4 NEVER DIE MY LOVE มาเล่นในคอนเสิร์ตนี้ด้วย โดยเพลงที่ได้เล่นคือ Message ผิดเบอร์ กิ่งทองใบตำแย คนขำๆ เพลงเมดเลย์เพลงเก่า : คนเจียมตัว ฟ้าสาป เลี้ยงส่ง ตามด้วย คนไม่รู้จักพอ OUTใจ Never Die และปิดท้ายด้วย Message ผิดเบอร์ (อีกครั้ง) รายการ O:IC ใน O:IC Delivery Concert อีกหลายครั้งMaland Rock Day Concert #3 WE WILL LOVE YOU (13 กรกฎาคม พ.ศ. 2551) เป็นคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นโดยรายการแมลงมันส์ ณ มูนสตาร์ สตูดิโอ เป็นการนำวงดนตรีร็อคมารวมตัวกันเพื่อเล่นคอนเสิร์ตครั้งนี้ ได้แก่ แคลช บอดี้สแลม โปเตโต้ กะลา สวีทมัลเล็ท โซคูล บิ๊กแอส พาราด็อกซ์ แบล็กเฮด เรทโทรสเปค ฟาเรนไฮต์ แฮงแมน ซีล โนโลโก้ เพลย์กราวด์ ซูเปอร์ซัพ และร็อคแคมพ์ คอนเสิร์ตครั้งนี้จัดขึ้นหลายครั้ง โดยวงโซคูลได้ขึ้นแสดงในครั้งที่ 3 โดยเล่นร่วมกับวงเฟรชเชน อินสติงค์ ซูเปอร์ซับ อินทูเดอะมูน แพนเค้ก กะลา และโปเตโต้<br /><br /><br /><br /></span></span>kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5189479305728510224.post-85826211665610218702009-11-30T07:53:00.000-08:002009-11-30T08:41:02.482-08:00สืบ นาคะเสถียร<div style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0);"><span style="font-weight: bold;font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;font-size:130%;" ><span style="font-family:verdana;"> </span></span><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjI-DUh7gfXYu3TeqGOGYHkihH_P95mCiLYmMIlVeXG4CTUTDLUvWuRZnTZA9qhHFpY1LHL2e07NiEzrEiYP475VyudEC8zZSD0p0Zj6iRWo5bEh4UMx6RO2hvMoMS1k6iaJcSAgIBy8TJh/s1600/sueb-01.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 246px; height: 320px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjI-DUh7gfXYu3TeqGOGYHkihH_P95mCiLYmMIlVeXG4CTUTDLUvWuRZnTZA9qhHFpY1LHL2e07NiEzrEiYP475VyudEC8zZSD0p0Zj6iRWo5bEh4UMx6RO2hvMoMS1k6iaJcSAgIBy8TJh/s320/sueb-01.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5409936158166980626" border="0" /></a><span style="font-size:180%;">สืบ นาคะเสถียร</span><br /><span style="font-size:130%;"><br /></span><div style="text-align: left;"><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;font-size:130%;"> <span style="font-weight: bold;">ประวัติ</span></span><br /></div></div><div style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0);"><br /></div><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >สืบ นาคะเสถียร เกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2492 ที่ตำบลท่างาม อำเภอเมืองปราจีนบุรี บิดาคือ<br />นายสลับ นาคะเสถียร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี มารดาชื่อ นางบุญเยี่ยม นาคะเสถียร มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน<br />โดยคุณสืบ นาคะเสถียรเป็นบุตรชายคนโต ในวัยเด็ก สืบ นาคะเสถียร ได้ช่วยงานในนาของมารดาทำงานอยู่กลางแจ้งทั้งวันโดยไม่ปริปากบ่น บุคลิกประจำตัว คือเมื่อเขาสนใจหรือตั้งใจทำ</span><a style="color: rgb(0, 0, 0);" onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiCdJTycjt4RMpOh3c9gVtgehJUPoOdOr0-4rOlW4mNah-oq_3OyfK7-CAPLrRv_0WYz_hk2KM0y-aTAY4X0JxA0iMIvn83tz3ltuRvmlstbxdg3oVAnkRR_zTk-edABhbvkLPb_VIacQhj/s1600/fog.JPG"><img style="margin: 0pt 0pt 10px 10px; float: right; cursor: pointer; width: 150px; height: 173px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiCdJTycjt4RMpOh3c9gVtgehJUPoOdOr0-4rOlW4mNah-oq_3OyfK7-CAPLrRv_0WYz_hk2KM0y-aTAY4X0JxA0iMIvn83tz3ltuRvmlstbxdg3oVAnkRR_zTk-edABhbvkLPb_VIacQhj/s320/fog.JPG" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5409928563237967586" border="0" /></a><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >อะไรแล้วก็จะมีความมุ่งมั่นตั้งใจทำอย่างจริงจังจนประสบความสำเร็จ และเป็นผู้ที่มีผลการเรียนดีมาโดยตลอด</span> <div style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0);"><div style="text-align: left;"><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;"><b><br /></b><span style="font-weight: bold;font-size:100%;" >การศึกษา</span></span><br /></div><br /></div><span style="color: rgb(0, 0, 255);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" > <span style="color: rgb(0, 0, 0);">สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปริญญาโทสาขาวนวัฒน์วิทยา คณะวนศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และปริญญาโทมหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ สาขาวิชาอนุรักษ์วิทยา</span></span><span style="font-weight: bold; color: rgb(0, 0, 0);"><br /><br /></span><span style="color: rgb(0, 0, 0); font-weight: bold;font-size:100%;" >การทำงาน</span> <div style="text-align: center;"><span style="color: rgb(0, 0, 255);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" ><b><br /></b></span><div style="text-align: left;"><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >สืบ นาคะเสถียรเข้ารับราชการในตำแหน่งเริ่มต้น คือตำแหน่งพนักงานป่าไม้ตรี กองอนุรักษ์สัตว์ป่า และปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งอื่น ๆ ต่อมาคือหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >ป่าบางพระหัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าตกค้างในพื้นที่อ่างเก็บน้ำรัชชประภา</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >(เชี่ยวหลาน) จังหวัดสุราษฎ์ธานี หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง จังหวัด</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >สุราษฎร์ธานี </span> <div style="text-align: left;"><span style="color: rgb(0, 0, 255);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" ><b> <br /></b><span style="color: rgb(0, 0, 0); font-weight: bold;font-size:100%;" >ตำแหน่งสุดท้ายคือ</span><b><br /><br /></b> </span> <div style="text-align: left; color: rgb(0, 0, 0);"><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่ห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวร</span><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">สืบ นาคะเสถียร ทำงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์และคุ้มครองสัตว์ป่า ทั้งในด้านการวิจัยและด้านการปฏิบัติการ</span><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">ช่วยเหลือชีวิตสัตว์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บและได้รับความเ</span><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">ดือดร้อน เช่น การอพยพสัตว์ป่าที่ได้รับความเดือดร้อน</span><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">จากการสร้างเขื่อน เชี่ยวหลาน เขาทำงานด้วยความเสียสละ รับผิดชอบ และมีความตั้งใจสูง คำนึงถึงความ</span><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">ปลอดภัยและสวัสดิการของผู้ร่วมงานอย่างเช่นการปฏิบัติงานในหน้าที่หัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าตกค้าง</span><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2529 ซึ่งจากการสร้าง</span><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">เขื่อนเชี่ยวหลาน ทำให้ป่าดงดิบนับแสนไร่ต้องจมอยู่ใต้น้ำส่วนที่เป็นเนินเขาและภูเขาถูกตัดขาดเป็น</span><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">เกาะน้อยใหญ่จำนวน 162 เกาะ สัตว์ป่านานาชนิดที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ต้องได้รับผลกระทบจากการ</span><br /><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">ที่มีน้ำท่วมฉับ</span><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">พลัน สัตว์ป่าจำนวนมากที่หนีน้ำไม่ทันไม่น้อยกว่า 338 ชนิด ซึ่งมีสัตว์หลายชนิดที่ใกล้จะสูญพันธุ์ </span><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">เช่น เลียงผา เสือลายเมฆ สมเสร็จ ช้าง กระทิง วัวแดง ไก้ฟ้าหน้าเขียว นกหว้า กบทูด เป็นต้น</span><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;"> สัตว์ป่าเหล่านี้ต้องประสบกับการอดอาหาร ขาดร่มเงา ต้นไม้ที่เหลืออยู่บนเกาะก็กำลังจะตาย สัตว์ที่ติดอยู่</span><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">บนเกาะไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องอดอาหารหรือจมน้ำตาย หากไม่ได้รับการช่วยเหลือโดยด่วน </span><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">สืบ นาคะเสถียร คือหัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าเหล่านี้เป็นครั้งแรกในเมืองไทย</span><br /><br /><div style="text-align: left;"><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;"><b> </b><span style="font-weight: bold;font-size:100%;" >ผลงาน</span></span><span style="font-weight: bold;font-size:100%;" ><br /></span><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;"><br />เจ้าหน้าที่โครงการผู้หนึ่งกล่าวถึงหัวหน้าสืบว่า " เขาเป็นคนจริงจัง มีความตั้งใจโดยไม่คำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อยของตัวเอง ถ้าจะทำอะไรต้องทำโดยไม่คำนึงถึงเวลา สถานที่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน มีความตั้งใจสูง เห็นความเดือดร้อนของสัตว์มากกว่าความเดือดร้อนหรือความลำบากที่ตนเองจะได้รับ งานแทบทุกงาน แกไม่เคยนั่งดูคนอื่นทำ แกมักจะเข้าไปทำเสมอ เจอสัตว์กำลังว่ายน้ำ พวกกระรอก ค่าง ชะนี แกก็กระโดดลงน้ำเอง สัตว์อันตรายอย่างเสือ งู แกจะทำเอง แกพูดว่า เพราะแกเป็นผู้นำ ถ้าแกทำไม่ได้ คนอื่นก็จะไม่มั่นใจ </span><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">แต่ถ้าผู้นำทำงานหนัก ทำงานที่ลำบาก ทุกคนจะตั้งใจทำงานและมีกำลังใจมากขึ้น หัวหน้าเสียสละได้ทุกคนก็เสียสละได้ ผมภูมิใจนะที่ได้ทำงานกับแกเป็นผู้บังคับบัญชาที่ไม่เอาเปรียบลูกน้อง ไม่เคยเอาความดีความชอบใส่ตัว ไม่มีนาย มีแค่เพื่อนร่วมงาน </span><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj913D6tP9emBJ1VRywkdXebqZqGyhUpqiFqJs1fO09NszOqvkb9zK9TyCsvErg2wAkcyogG8p5FBiQXzJ6irbTgD7CzTDTNC1WnNknfxvjdbEkPvunq2tjrhI2J1jRrJRjkYlVA6V7o86q/s1600/fod.JPG"><img style="margin: 0pt 0pt 10px 10px; float: right; cursor: pointer; width: 150px; height: 196px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj913D6tP9emBJ1VRywkdXebqZqGyhUpqiFqJs1fO09NszOqvkb9zK9TyCsvErg2wAkcyogG8p5FBiQXzJ6irbTgD7CzTDTNC1WnNknfxvjdbEkPvunq2tjrhI2J1jRrJRjkYlVA6V7o86q/s320/fod.JPG" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5409931410265593570" border="0" /></a><br /><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;"> ไม่เลือกว่าคนนั้นจะเป็นลูกจ้างชั่วคราว ลูกจ้างรายวัน ไม่มีใครจริงจังและจริงใจเท่าแกเลย " ในกา</span><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">รช่วยชีวิตสัตว์ครั้งนี้ เขาช่วยแม้แต่งูจงอางขนาดตัวยาว 3 เมตร เขาลงมือจับงูด้วยตนเองแม้จะเสี่ยงชีวิตอย่างที่สุดก็ตามเพราะจากจุดปฏิบัติงานที่กลางอ่างเก็บน้ำ กว่าจะไปถึงโรงพยาบาลต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมงเขาบอกว่า " เราต้องจับมันให้ได้เพราะอย่างไรก็เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่เราต้องช่วยชีวิตไว้เหมือนกับสัตว์อื่นๆ " เขาตระหนักเสมอว่า สัตว์ทุกตัวก็มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่และรู้ว่าคงไม่มีใครกล้าจับงู เขายอมเสี่ยงชีวิตแม้จะรู้ว่าหากถูกงูกัดคงตายแน่ๆ</span><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;"> สองปีผ่านไป เขาเริ่มรู้ว่า งานวิชาการไม่อาจช่วยชีวิตสัตว์ที่กำลังถูกฆ่าได้ปัญหาการทำลายป่าและสัตว์ป่า</span>เป็นปัญหาใหญ่หลวงระดับชาติที่นั<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhun0kR0-rKGMy-XBc_l9imruUnjk9P87WA4D_AhUmkvjGziprBo2w04pKnPPzG5tbMHz8JOOP8UIPyVkGsX8ntEpn0ccRkyqmVa7yw2TEGu9KfIp3cAHL5lrQ95bzYortU7Ucxt3hotU-r/s1600/fos.JPG"><img style="margin: 0pt 10px 10px 0pt; float: left; cursor: pointer; width: 150px; height: 201px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhun0kR0-rKGMy-XBc_l9imruUnjk9P87WA4D_AhUmkvjGziprBo2w04pKnPPzG5tbMHz8JOOP8UIPyVkGsX8ntEpn0ccRkyqmVa7yw2TEGu9KfIp3cAHL5lrQ95bzYortU7Ucxt3hotU-r/s320/fos.JPG" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5409932929572211186" border="0" /></a>กวิจัยสัตว์ป่าอย่างเขาจะต้องเข้าไปแก้ปัญหาให้ได้ก่อนจะสายเกินไป<br /></div></div><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >เขาได้จั</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >ดทำบทรายงานเรื่อง "การช่วยเหลือสัตว์ป่าตกค้างในพื้นที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนเชี่ยวหลาน " </span> <div style="text-align: left;"><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" > เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับการอนุมัติให้สร้างเขื่อนน้ำโจน </span> <span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >ของคณะกรรมการของรัฐบาล รายงานชิ้นนี้ส่งผลอย่างมากต่อการพิจารณา</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);"> </span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >เพราะเป็นครั้งแรกที่มีการศึกษาผลกระทบของสัตว์ป่าจากการสร้างเขื่อน </span> <span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >ทำให้หลายฝ่ายสิ้นความสงสัยว่าสัตว์ป่าจะต้องล้มตายอีกมากมายเพียงใด</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);"> </span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >จากการสูญเสียป่าในการสร้างเขื่อน คุณสืบนำข้อมูลเข้าไปในที่ประชุม</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);"> </span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >เพื่อชี้แจงด้วยตนเองและผลการประชุมครั้งนั้นสามารถยับยั้งการทำลายชีวิต</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);"> </span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >สัตว์นับหมื่นตัวและป่าไม้อีก 5แสนกว่าไร่จากการระงับการสร้างเขื่อนน้ำโจน </span> <div style="text-align: left;"><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >เดือนตุลาคม 2531 บริษัทไม้อัดไทยจะขอทำสัมปทานไม้ที่ห้วยขาแข้งตอนใต้ </span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >ซึ่งเป็นบริเวณที่มีควายป่าและสัตว์ชนิดอื่นๆ อาศัยอยู่</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >สืบได้คัดค้าน มีการจัดนิทรรศการ บรรยายในที่สาธารณะให้ชาวอุทัยธานีให้เห็นความสำคัญของป่าห้วยขาแข้ง</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >โดยไม่กลัวว่าจะถูกผู้ใหญ่เรียกมาสอบสวน เขากำลังจะได้รับทุนไปเรียนต่อในระดับปริญญาเอกที่ประเทศ</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >อังกฤษ แต่มีเสียงเรียกร้องให้เขามาดำรงตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งด้วยความเหมาะสม</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >ทุกประการ เขาจึงมิอาจปฏิเสธ เขาเข้ามารับตำแหน่งในเดือนธันวาคม 2532 เขาออกจับไม้เถื่อน ดูพื้นที่ในป่า</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >ประดู่ที่ถูกโค่นกว่า 200 ต้นเพื่อแปรรูปในป่า เขาทำงานโดยไม่กลัวการลอบทำร้าย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >ห้วยขาแข้งมีพื้นที่ 1 ล้านไร่เศษ อยู่ในอำเภอบ้านไร่และอำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี เป็นป่าอนุรักษ์ผืนเดียว</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >ในเมืองไทยที่ไม่มีราษฎรเข้าไปบุกรุกอาศัยอยู่ เป็นป่าธรรมชาติที่มีความหลากหลายของพืชและสัตว์ที่อุดม</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และยังมีสัตว์หายากในธรรมชาติอยู่ เช่น กระทิง วัวแดง ควายป่า นกยูง ช้าง เสือ </span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >ค่างดำ เป็นต้น เขาตั้งใจอย่างเด็ดขาดว่าจะต้องรักษาป่าผืนนี้ให้ได้ต่อไป เขาพบว่าป่าจำนวน 1 ล้านไร่เศษ </span> <span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >อยู่ในความรับผิดชอบของข้าราชการ 12 คน เจ้าพนักงานพิทักษ์ป่า 30 คน ลูกจ้างชั่วคราว 120 คน แบ่งไป</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >ประจำ 12 หน่วย แต่ละหน่วยต้องรับผิดชอบพื้นที่ป่าถึงหน่วยละ 1 แสนกว่าไร่ และงบประมาณที่ใช้ในการดูแล</span> <div style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0);"><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >ป่าที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้ ได้เพียงไร่ละ 80 สตางค์ ต่อปี ในขณะที่ป่าสงวนที่ถูกบุกรุกจนเสื่อมสภาพแล้ว</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >รัฐให้เงินดูแลถึงไร่ละ 1,000 บาทต่อปี</span><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">หน่วยพิทักษ์ป่าแต่ละแห่งอยู่ลึกเข้าไปในป่ามากบางแห่งต้องนั่งรถเข้าไป แล้วต่อเรือ ใช้เวลาเดินทางถึง 3 วัน</span><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">หากเป็นหน้าฝนก็ถูกตัดขาดจากโลก ภายนอก เจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความยากลำบากยิ่งนักในป่าเปลี่ยวอาจจะถูกยิง</span><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">เมื่อไรก็ได้ โดยไม่มีหลักประกันใดๆ ทั้งสิ้นให้แก่ครอบครัวและตัวเขา พวกเขาขาดวิทยุสื่อสาร รถไม่เพียงพอ</span> </div> <center style="color: rgb(0, 0, 0);"> <table style="text-align: left; margin-left: auto; margin-right: auto;" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="680"> <tbody><tr> <td width="479"><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">อาวุธก็มีเพียงปืนลูกซองในขณะที่นักล่าสัตว์มีปืนเอ็ม 16 เคยมีเจ้าหน้าที่ถูกนักล่า<br /> สัตว์ยิงตาย 2 ศพขณะที่วิ่งตามจับผู้ต้องหาและต่อมาก็มีเจ้าหน้าที่ถูกลอบยิง<br /> เสียชีวิต ที่หน่วยพิทักษ์ป่าแม่เทิน ไม่มีใครสนใจไม่มีคนจากกรมป่าไม้ไปงานศพ<br /> เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณสืบพูดด้วยความเด็ดเดี่ยวว่า " จะไม่มีใครต้องตาย<br /> ในเขตห้วยขาแข้ง ถ้ามีก็ต้องเป็นผม " เขารู้ดีว่าจะต้องเป็นคนของเขาตายอีก<br /> ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่สบายใจทุกครั้งที่สั่งให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจพื้นที่ในป่า</span></td> <td width="201"><img src="http://www.ru.ac.th/province/prachinburi/goodper/surb/pic3.JPG" border="0" width="201" height="126" /></td> </tr> </tbody></table> </center> <div style="color: rgb(0, 0, 0);"> </div><div style="text-align: left;"><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >เขาต้องรับผิดชอบหากมีการตายเกิดขึ้น เขารู้ว่ารัฐบาลไม่สนใจ คนเล็กๆที่อยู่ตามป่าเขา แต่สำหรับคุณสืบแล้ว</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);">เขาถือว่าพวกเขาเหมือนนักรบในสงคราม ปกป้องผืนป่า มีชีวิตที่เสี่ยงภัย พร้อมจะตายเพื่อห้วยขาแข้ง เขาพยายามหาเงินมาเพื่อเป็นสวัสดิการและประกันชีวิตให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ห้วยขาแข้ง เขาวิ่งเต้นหาเงินมาจนประสบผลสำเร็จ แต่เงินที่มีคนติดต่อมอบให้ห้วยขาแข้งต้องมอบผ่านมูลนิธิแห่งหนึ่งซึ่งมูลนิธิแห่งนี้ได้หัก</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >ค่าธรรมเนียมร้อยละ 10 ของยอดเงินบริจาคทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาปวดหัวใจเป็นอย่างมาก ความอัดอั้น</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >ตันใจของสืบเกิดขึ้นอีกเมื่อทุกครั้งที่เขาจับพวกลักลอบล่าสัตว์ได้ ส่วนใหญ่คือคนยากจนในหมู่บ้านรอบๆ</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);">ห้วยขาแข้ง เพราะพวกนี้ทำไปเพราะความยากจนบังคับ และพวกนายทุนกลุ่มอิทธิพลในเมืองก็ส่งปืน ส่งอาหารให้แก่พรานอาชีพและ ชาวบ้าน พร้อมทั้งมีใบสั่งว่าต้องการสัตว์ป่าประเภทไหน เมื่อยิงกระทิงได้ ชาวบ้านก็เอาเนื้อและเขาขายให้นายทุน 4,000 - 5,000 บาท เขาควายป่าราคาสูงเป็นหมื่นๆ บาทขึ้นไป นายทุนบางรายได้ใจ</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >ขับรถสิบล้อเข้ามาตั้งหลักกันในป่าเป็นอาทิตย์ เพื่อจับแย้จับเหี้ยนับร้อยๆ ตัวส่งขายตามร้านอาหารสัตว์ป่าที่มีอยู่รอบๆ<br /></span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >ตัวเมืองอุทัยธานี เขารู้ดีว่าลูกจ้างชั่วคราวที่มาทำงานให้ทางเขตห้วยขาแข้งก็เป็นลูกหลานชาวบ้านรอบๆบางครั้ง</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);"> </span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >คนเหล่านี้ก็ต้องมาจับญาติพี่น้องของตัวเองคุณสืบเชื่อว่าจะต้องเร่งให้การศึกษาแก่ชาวบ้านรอบๆ พื้นที่ โดยเฉพาะเด็กๆ</span><span style="color: rgb(0, 0, 0);font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;" >ให้เห็นถึงความสำคัญของป่าห้วยขาแข้ง เขาจึงให้ความสำคัญแก่งานเผยแพร่มาก ลงมือทำสื่อต่างๆ เอง</span> <div style="color: rgb(0, 0, 0);" align="center"><div> </div><center><div style="text-align: center;"> </div><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="680"> <tbody><tr> <td style="text-align: center;" width="100%"><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">แล้วออกไปบรรยายตามโรงเรียน ตามที่ชุมชนต่างๆ จนถึงเก็บเครื่องมือฉายสไลด์เอง ทำทุกอย่างตั้งแต่เช้าจนค่ำ</span></td> </tr> </tbody></table> </center> </div> <div style="color: rgb(0, 0, 0);" align="center"> <center> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="680"> <tbody><tr> <td width="200"><img src="http://www.ru.ac.th/province/prachinburi/goodper/surb/pic5.JPG" border="0" width="200" height="134" /></td> <td width="480"><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;"> แม้ว่าตัวจะอยู่ที่ใดเขาก็ยังห่วงห้วยขาแข้งในปัญหาลักลอบตัดไม้และล่าสัตว์<br /> บางครั้งเที่ยงคืนเขาก็ยังอุตส่าห์ขับรถจากในเมืองเข้ามาในป่าตื่นแต่เช้ามืด<br /> มาเขียนงาน เอกสารที่คั่งค้างไว้ พอรุ่งสางก็ขับรถออกไปตามโรงเรียน<br /> บรรยายให้เด็กนักเรียนฟังต่อ บางครั้งไปประชุมในตัวจังหวัด เข้ากรุงเทพฯ<br /> เพื่อประชุมงานในกรมป่าไม้ และหน่วยงานอื่นๆ ที่ต่างก็ตั้งความหวังกับเขา<br /> ไว้มากจนเป็นกรรมการต่างๆ มากมาย "สืบ" ไม่เคยย่อท้อต่อปัญหาที่เกิดขึ้น</span></td> </tr> </tbody></table> </center> </div> <div style="text-align: left; color: rgb(0, 0, 0);"><span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">เขาไม่เคยเรียกร้องให้เพื่อนร่วมงานต้องทำงานหนักเท่ากับเขา เขาทุ่มเทความพยายามตลอดเวลาเพื่อรวบรวมข้อมูล</span>ป่าห้วยขาแข้งและป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เพื่อพิสูจน์ให้องค์การยูเนสโกเห็นว่าป่าทั้งสองแห่งนี้เหมาะสมที่จะเป็น "เขตมรดกทางธรรมชาติของโลก " เพื่อให้ชาวโลกช่วยกันปกป้อง ไม่ใช่เป็นสมบัติของคนไทยเท่านั้น โดยเฉพาะผู้ใหญ่บ้านเมืองนี้ที่ไม่เคยมีความจริงใจต่อการแก้ปัญหาป่าไม้เมืองไทยเลยต่อมาเขาตระหนักว่า มะเร็งร้ายที่กัดกร่อนห้วยขาแข้ง คือชาวบ้านในป่าสงวนรอบๆ ห้วยขาแข้งที่มักจะเข้ามาล่าสัตว์ ตัดไม้ในห้วยขาแข้งแล้วกลับออกไปโดยการสนับสนุนจากผู้มีอิทธิพล เขามีแนวความคิดว่าต้องแก้ปัญหาด้วยการสร้างแนวกันชนขึ้นรอบ ๆ ป่าห้วยขาแข้งในรัศมี 5 กิโลเมตร ให้เป็นเขตปลอดที่อยู่อาศัยของมนุษย์ อพยพชาวบ้านที่อาศัยติดห้วยขาแข้งให้ออกไปอยู่นอกแนวกันชนนี้ แล้วพัฒนาแนวกันชนให้เป็นป่าชุมชนทีชาวบ้านสามารถเข้ามาใช้พื้นที่ตัดไม้และหาของป่าได้ แต่แนวคิดนี้จะสำเร็จได้ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากป่าไม้เขต ป่าไม้จังหวัด กระทรวงมหาดไทย ทหาร ตำรวจ และข้าราชการท้องถิ่น ที่จะมีอำนาจในการจัดการ สืบพยายามอย่างหนักในการติดต่อข้าราชการที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ ชี้แจงให้ทุกคนเห็นความสำคัญของแนวความคิดนี้เพื่อรักษาป่าที่ดีที่สุดผืนนี้ให้ได้ แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังจากใครทั้งสิ้น ต่อมาเขาถูกกลั่นแกล้งจากบริษัททำไม้แห่งหนึ่งซึ่งบอกเล่าให้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ไปตรวจพื้นที่ที่จังหวัดอุทัยธานีว่ามีการลักลอบตัดไม้ในห้วยขาแข้งข้าราชการผู้นั้นสั่งให้คนแจ้งเรื่องไปยังป่าไม้จังหวัดและกรมป่าไม้โดยไม่สอบถามคุณสืบก่อน เขาถูกเรียกไปพบที่กรุงเทพฯ เขาเตรียมข้อมูลอย่างดีเยี่ยมเพื่อชี้แจงว่าเป็นการทำไม้นอกเขตห้วยขาแข้งและชาวบ้านแอบไปตัดโดยมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังและพยายามอธิบาย ถึงความยุ่งยากที่เขาและเจ้าหน้าที่ต้องประสบ แต่เขาไม่มีโอกาสได้ชี้แจง แต่ถูกสั่งให้ทำงานหนักกว่าเดิมอีก เขาตอบกลับไปว่า " ผมทำงานหนักกว่านี้ไม่ได้แล้ว นอกจากว่าท่านจะยืดเวลาหนึ่งวันให้ยาวไปกว่านี้และผมไม่อาจบอกคนของผม ให้ทำงานหนักกว่านี้ได้อีกแล้ว อาทิตย์ที่ผ่านมาพวกเขาแทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย " เขารู้สึกหนักอึ้งและถูกกดดัน เขารู้สึกว่าความพยายามแทบเป็นแทบตายของเขานั้นไม่ได้รับการตอบสนองจากใครทั้งสิ้น เขาสิ้นหวังกับระบบราชการ เขาไม่ได้ภูมิใจกับการเป็นข้าราชการอีกต่อไป เขารู้ว่าเขาไม่อาจจะทำอะไรให้มากกว่านี้แล้ว เขาบอกคนใกล้ชิดว่า" ทีนี้ผมแน่ใจแล้วว่า ผมกำลังต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว ผมไม่อาจคาดหวังจากใครได้อีกต่อไป "อีกไม่นานเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่เขานางรำถูกพวกล่าสัตว์จ่อยิงเผาขนแต่ไม่ตาย อีกสองอาทิตย์ต่อมาก็เกิดเหตุการณ์นี้อีก เพราะนักล่าสัตว์ได้รับการบอกเล่าว่าถ้าเจอเจ้าหน้าที่ให้ยิงให้ตาย เขาสะเทือนใจอย่างรุนแรงและรู้ดีว่าสักวันหนึ่งลูกน้องของเขาต้องถูกยิงตายแน่ๆ เขาจะต้องรับผิดชอบความมุ่งมั่นของเขาที่มีต่อห้วยขาแข้งถูกทำลายลงอย่างย่อยยับจากระบบราชการและผู้มีอำนาจในเมืองไทย เจ้าหน้าที่ที่ดูแลห้วยขาแข้งกำลังจะตายโดยที่เขาไม่อาจปกป้องได้ เขาเคยปรารภว่าจะลาออกและไปบวช แต่เขาก็ไม่ลาออกเพราะเขาต้องรับผิดชอบต่อความตั้งใจและความเชื่อของเขา การลาออกเป็นการทรยศต่อห้วยขาแข้งและลูกทีมของเขา การมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่สามารทำให้ความมุ่งมั่น ความเชื่อของเขาเป็นจริงได้ และไม่อาจช่วยเหลือคนของเขาได้ สืบ นาคะเสถียร ไม่เคยทรยศต่อหลักการและความมุ่งมั่นของตัวเอง เขาสั่งเสียลูกน้องคนสนิทเขียนจดหมายสั่งลา 6 ฉบับ ก่อนรุ่งสางของวันที่ 1 กันยายน 2533 สืบ นาคะเสถียรก็ปิดม่านชีวิตของเขาลง และ<span style="font-family:MS Sans Serif,MS Dialog;">เป็นบทเริ่มต้นตำนานนักอนุรักษ์ไทย สืบ นาคะเสถียร และมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร</span></div></div></div></div></div></div></div>kittirathttp://www.blogger.com/profile/08929860002643019652noreply@blogger.com0