So Cool

So Cool

วงโซคูล (อังกฤษ: So Cool) เป็นวงร็อกรุ่นใหม่ที่ยึดเอาความเป็นไทยมาเป็นเอกลักษณ์ ในเครือ GMM Grammy สังกัด อัพจี มีเพลงที่ได้รับความนิยมมากมาย เช่น คนเจียมตัว อกหักจากมือถือ เลี้ยงส่ง คนถัดไป ซากอ้อย ย้อมใจ ฟ้าสาป Messageผิดเบอร์ Outใจ คนขำๆ ไผ่ลู่ลม บาดตา สวรรค์ไม่มีตา และ ลิขิตฟ้า

สมาชิกในวงโซคูลทุกคนเป็นคนจังหวัดพิษณุโลก โจ๊กกับมาร์ช เป็นพี่น้องกัน ส่วนแจนกับเจมส์ก็เป็นพี่น้องกัน ทั้งสี่คนนี้จะอยู่บ้านใกล้กัน เมื่อวงโซคูลว่างงานก็มักจะกลับบ้านเกิด บางครั้งก่อนจะมีคอนเสิร์ตก็จะมีการซ้อมดนตรีก่อนเล่นจริง

ก่อนที่พวกเขาจะได้มาเป็นนักร้อง เขาได้ไปประกวดวงดนตรียามาฮ่า และตามจังหวัดบ้านเกิดอยู่หลายครั้ง จนได้รางวัลชนะเลิศมาหลายครั้ง จึงได้มีโอกาสได้มาเป็นนักร้องค่ายแกรมมี่

โซคูลเคยมีสมาชิกด้วยกัน 4 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นญาติพี่น้องกัน แต่ในปี พ.ศ. 2551 ได้มีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก 1 คนคือ กอล์ฟ ชาวจังหวัดสุโขทัย รวมเป็น 5 คน เป็นนักร้องนำคู่กับโจ๊ก ซึ่งเป็นนักร้องคนเดิม โดยโจ๊กได้เห็นฝีมือของกอล์ฟจากการร้องเพลงเปิดตัวให้วงโซคูลก่อนขึ้นเล่นใน คอนเสิร์ตของโซคูลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดพะเยา จึงตั้งใจจะให้กอล์ฟออกอัลบั้มเดี่ยว แต่ด้วยความสนิทสนมกันจึงได้ตัดสินใจพาเข้าร่วมวงจนถึงปัจจุบัน

สมาชิก

  • โจ๊ก พรภพ จันทร์เจริญ (กีตาร์ / ร้องนำ/ แสดงนำในมิวสิกวิดีโอ) (เกิด 22 เมษายน พ.ศ. 2528)
  • กอล์ฟ อดิเทพ ประสงค์ (ร้องนำ) เป็นสมาชิกใหม่ ที่เข้าร่วมกับวงโซคูลตั้งแต่อัลบั้ม Five เป็นต้นไป (เกิด 3 พฤษภาคม)
  • แจน ปริญญา ทองสุข (กีตาร์) (เกิด 10 มกราคม พ.ศ. 2527)
  • เจมส์ ศุภลักษณ์ ทองสุข (เบส) (เกิด 11 สิงหาคม พ.ศ. 2532)
  • มาร์ช ภูพิณ จันทร์เจริญ (กลอง) (เกิด 8 กันยายน พ.ศ. 2532)
ประวัติ

แรกเริ่มเดิมที วงโซคูลมีสมาชิก 4 คน ซึ่งประกอบด้วยพี่น้องแท้ ๆ 2 ครอบครัว ได้แก่ โจ๊กกับมาร์ช และ แจนกับเจมส์ ทั้ง 2 ครอบครัวนี้เป็นญาติกัน กล่าวคือ ตาของโจ๊กและมาร์ช เป็นพี่ชายของยายของแจนและเจมส์ ทุกคนในวงขณะนั้นสนใจเครื่องดนตรีเดียวกันหมดนั่นคือกีต้าร์ เหล่าบรรดาญาติจึงหากีต้าร์เก่า ๆ มาให้ครบทุกคน หลังจากนั้นพวกเขาจึงคิดอยากตั้งวงขึ้น มาร์ชเปลี่ยนไปเล่นกลองให้กับวง และเจมส์ก็ถูกแจนบังคับให้ไปเล่นเบส วงโซคูลขณะนั้นได้ห้องซ้อมเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ ติดกับบ้านยายของโจ๊ก มีเพื่อนบ้าน 3-4 คนพยายามจะเข้าวงด้วย แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน

วงโซคูลมีวงโลโซเป็น ทั้งแรงบันดาลใจ ต้นแบบ และเป็นแม่พิมพ์เดียวในยุคนั้นที่โซคูลเดินตามรอยเท้า พวกเขาเล่นดนตรีจนเป็นเรื่องเป็นราวโดยไม่รู้ตัว พวกเขาได้ไปเล่นดนตรีให้กับงานหลายงาน ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน งานวัด งานเทศกาล หรือเล่นในสถานพินิจ ครั้งหนึ่งเขาได้ออกทางสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง เป็นงานวันเด็ก ทางสถานีต้องการให้ทางวงระบุชื่อวง โจ๊กจึงได้วิธีเปิดพจนานุกรมแบบสุ่มจนกระทั่งเจอคำว่า มิลเลเนียม (millennium) จึงนำมาเป็นชื่อวงในยุคนั้น ต่อมาพวกเขาก็เปลี่ยนชื่อวงอีกครั้ง โดยจะต้องเป็นชื่อที่มั่นคงและแน่นอน โจ๊กให้ผู้เป็นอาคัดชื่อภาษาอังกฤษไว้หลาย ๆ ชื่อ และโจ๊กก็ได้เลือกชื่อ so cool ซึ่งแปลว่า "เจ๋ง" เพราะรู้สึกสะดุดตา และเป็นชื่อที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในประเทศไทยยุคนั้น

วงโซคูลเคยผ่านการแสดงดนตรีมากว่า 100 เวที เคยประกวด 3-4 ครั้ง แพ้ 1 ครั้ง การประกวดครั้งสุดท้ายเป็นการประกวดถ้วยพระราชทานชิงแชมป์ประเทศ ซึ่งรางวัลที่หนึ่งจะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งชิงแชมป์เอเชีย การแข่งขันแบ่งเป็นสองรุ่น ซึ่งจะคัดเทปเดโม่ 10 ม้วนจากทั้งประเทศ วงโซคูลส่งไป 2 เพลงตามกฎ ได้แก่เพลง เข้ามาเลย ของวงโลโซ และอีกหนึ่งเพลงแต่งเอง (ดนตรีแบบเดียวกับเพลงอกหักจากมือถือ) วงโซคูลซ้อมอย่างหนักหน่วงทุกวัน พวกเขาเช่าห้องซ้อม 1-2 ชั่วโมงหลังเลิกเรียนตอนเย็นเพื่อซ้อมดนตรี เมื่อถึงวันประกาศผล ปรากฏว่าเทปเดโม่ของวงโซคูลก็เป็น 1 ใน 10 ม้วนจริง ๆทำให้พวกเขารู้สึกคึกคักและท้าทายมากขึ้น ในวันแข่งขัน แต่ละวงก็แสดงความสามารถของตนเต็มที่ รวมถึงโซคูล ผลการประกวดรอบสุดท้ายประกาศว่าวงโซคูลได้รับรางวัลชนะเลิศและรางวัลการแสดงยอดเยี่ยมซึ่งจะพาพวกเขาแข่งชิงแชมป์เอเชียในฐานะตัวแทนประเทศไทย แต่ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เนื่องจากเหตุการณ์วินาศกรรมวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2544 จึงทำให้การแข่งขันถูกยกเลิกไป

อัลบั้มเต็ม

  • So Cool (16 มีนาคม พ.ศ. 2547)

    1. คนเจียมตัว
    2. โอ้แม่ดอกฟ้า
    3. หนาวใจ
    4. สาวๆฟังทางนี้
    5. อยู่เป็นเพื่อนเธอ
    6. You are so cool
    7. อกหักจากมือถือ
    8. อายเพื่อนเธอ
    9. ซึมเซา
    10. ขอให้ฝัน



  • So Hot (26 สิงหาคม พ.ศ. 2548)
  1. คนมันแรง
  2. เลี้ยงส่ง
  3. ขอเบอร์
  4. คนถัดไป
  5. ไม่อยากกินโจ๊ก
  6. หมูไปไก่ไม่มา
  7. เผื่อใจไม่เป็น
  8. ซากอ้อย
  9. ไทยยิ้ม
  10. ก่อนสิ้นแสงดาว



  • Soda (27 มิถุนายน พ.ศ. 2549)
    1. ย้อมใจ
    2. ฟ้าสาป
    3. So Cool มาแล้ว
    4. ขอใช้คำว่าแฟนก่อน
    5. เธอสวยขาด
    6. เพลงดิ้น
    7. ลับลมคมใน
    8. รักบานปลาย
    9. สาวสมิง
    10. ศรรัก



  • Never Die My Love (17 กรกฎาคม พ.ศ. 2550)

    1. Message ผิดเบอร์
    2. Out ใจ
    3. กิ่งทองใบตำแย
    4. กล้าได้อายอด (Now U have boyfriend)
    5. สะพานควาย
    6. คนขำๆ
    7. Never Die
    8. คนไม่รู้จักพอ
    9. ก.ข.ค.
    10. เค้กในงานแต่ง


  • Five (19 สิงหาคม พ.ศ. 2551)

    1. ไผ่ลู่ลม (โจ๊ก / กอล์ฟ)
    2. ใจไม่เชื่อง (โจ๊ก)
    3. บาดตา (กอล์ฟ)
    4. สวรรค์ไม่มีตา (กอล์ฟ)
    5. รับกลับ (โจ๊ก / กอล์ฟ)
    6. ไฟไม่สิ้นเชื้อ (กอล์ฟ)
    7. ลิขิตฟ้า (โจ๊ก)
    8. โรคหัวใจ (กอล์ฟ)
    9. Joker (โจ๊ก / กอล์ฟ)
    10. Converse (โจ๊ก)
หมายเหตุ ชื่อเพลงที่มีตัวหนา คือเพลงที่ถูกนำมาโปรโมท

อัลบั้มพิเศษ

  • So Hits (27 ตุลาคม พ.ศ. 2549) เป็นอัลบั้มรวมเพลงฮิตตั้งแต่อัลบั้ม So Cool ถึง Soda และมีเพลงใหม่ 2 เพลงคือ ขอเดท และ รักต้องแสดงออก

เพลงพิเศษ

  • โจ๊ก พันธุ์ทิพย์ (โจ๊ก)

คอนเสริ์ต

โซคูลได้ทัวร์คอนเสิร์ตไปทุกที่ทุกแห่งทั่วประเทศไทย เคยไปร่วมเล่นกับศิลปินกลุ่มอื่นเช่น แคลช เสก โลโซ ถึงแม้วงโซคูลยังไม่เคยมีคอนเสิร์ตใหญ่เป็นของตัวเองก็ตาม แต่พวกเขาก็เคยแสดงคอนเสิร์ตในงานต่างๆมากมาย เช่น

  • รายการ 7 สีคอนเสิร์ต ทางช่อง 7 ถึง 5 ครั้งด้วยกัน ดังนี้

ครั้งที่ 1 (พ.ศ. 2547) เป็นครั้งแรกของโซคูลที่เล่นในคอนเสิร์ตนี้ โดยพวกเขาเล่นร่วมกับวงบูโดกัน โดยเขาได้เล่นเพลง คนเจียมตัว อกหักจากมือถือ คนเจียมตัว(อีกครั้ง) และเพลง You are so cool
ครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2547) โซคูลกลับมาเล่นคอนเสิร์ตอีกครั้ง โดยคราวนี้เล่นวงเดียว เพลงที่ได้เล่นคือเพลง คนเจียมตัว สาวๆฟังทางนี้ โอ้แม่ดอกฟ้า อกหักจากมือถือ อมพระมาพูด(ของ Bird Sek) อายเพื่อนเธอ คนเจียมตัว(อีกครั้ง) และ You are so cool
ครั้งที่ 3 (พ.ศ. 2548) พวกเขากลับมาเล่นคอนเสิร์ตนี้พร้อมผลงานชุดที่ 2 อัลบั้ม SO HOT ครั้งนี้ได้เล่นร่วมกับวง แบล็กเฮด ได้เล่น 3 เพลงคือ เลี้ยงส่ง คนถัดไป และคนมันแรง
ครั้งที่ 4 (พ.ศ. 2549) พวกเขากลับมาเล่นคอนเสิร์ตนี้พร้อมผลงานชุดที่ 3 อัลบั้ม SODA ครั้งนี้ได้เล่นวงเดียว เพลงที่เล่นคือ So Cool มาแล้ว ขอใช้คำว่าแฟนก่อน ลับลมคมใน ฟ้าสาป เพลงเมดเลย์เพลงเก่า : คนเจียมตัว ซากอ้อย เลี้ยงส่ง และต่อด้วย ย้อมใจ เพลงดิ้น และสาวสมิง
ครั้งที่ 5 (25 สิงหาคม พ.ศ. 2550) พวกเขากลับมาเล่นคอนเสิร์ต วงเดียว โดยนำเพลงจากชุดที่ 4 NEVER DIE MY LOVE มาเล่นในคอนเสิร์ตนี้ด้วย โดยเพลงที่ได้เล่นคือ Message ผิดเบอร์ กิ่งทองใบตำแย คนขำๆ เพลงเมดเลย์เพลงเก่า : คนเจียมตัว ฟ้าสาป เลี้ยงส่ง ตามด้วย คนไม่รู้จักพอ OUTใจ Never Die และปิดท้ายด้วย Message ผิดเบอร์ (อีกครั้ง) รายการ O:IC ใน O:IC Delivery Concert อีกหลายครั้งMaland Rock Day Concert #3 WE WILL LOVE YOU (13 กรกฎาคม พ.ศ. 2551) เป็นคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นโดยรายการแมลงมันส์ ณ มูนสตาร์ สตูดิโอ เป็นการนำวงดนตรีร็อคมารวมตัวกันเพื่อเล่นคอนเสิร์ตครั้งนี้ ได้แก่ แคลช บอดี้สแลม โปเตโต้ กะลา สวีทมัลเล็ท โซคูล บิ๊กแอส พาราด็อกซ์ แบล็กเฮด เรทโทรสเปค ฟาเรนไฮต์ แฮงแมน ซีล โนโลโก้ เพลย์กราวด์ ซูเปอร์ซัพ และร็อคแคมพ์ คอนเสิร์ตครั้งนี้จัดขึ้นหลายครั้ง โดยวงโซคูลได้ขึ้นแสดงในครั้งที่ 3 โดยเล่นร่วมกับวงเฟรชเชน อินสติงค์ ซูเปอร์ซับ อินทูเดอะมูน แพนเค้ก กะลา และโปเตโต้



  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

สืบ นาคะเสถียร

สืบ นาคะเสถียร

ประวัติ

สืบ นาคะเสถียร เกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2492 ที่ตำบลท่างาม อำเภอเมืองปราจีนบุรี บิดาคือ
นายสลับ นาคะเสถียร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี มารดาชื่อ นางบุญเยี่ยม นาคะเสถียร มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน
โดยคุณสืบ นาคะเสถียรเป็นบุตรชายคนโต ในวัยเด็ก สืบ นาคะเสถียร ได้ช่วยงานในนาของมารดาทำงานอยู่กลางแจ้งทั้งวันโดยไม่ปริปากบ่น บุคลิกประจำตัว คือเมื่อเขาสนใจหรือตั้งใจทำ
อะไรแล้วก็จะมีความมุ่งมั่นตั้งใจทำอย่างจริงจังจนประสบความสำเร็จ และเป็นผู้ที่มีผลการเรียนดีมาโดยตลอด

การศึกษา


สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปริญญาโทสาขาวนวัฒน์วิทยา คณะวนศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และปริญญาโทมหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ สาขาวิชาอนุรักษ์วิทยา

การทำงาน

สืบ นาคะเสถียรเข้ารับราชการในตำแหน่งเริ่มต้น คือตำแหน่งพนักงานป่าไม้ตรี กองอนุรักษ์สัตว์ป่า และปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งอื่น ๆ ต่อมาคือหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบางพระหัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าตกค้างในพื้นที่อ่างเก็บน้ำรัชชประภา(เชี่ยวหลาน) จังหวัดสุราษฎ์ธานี หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ตำแหน่งสุดท้ายคือ

หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่ห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวรสืบ นาคะเสถียร ทำงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์และคุ้มครองสัตว์ป่า ทั้งในด้านการวิจัยและด้านการปฏิบัติการช่วยเหลือชีวิตสัตว์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บและได้รับความเดือดร้อน เช่น การอพยพสัตว์ป่าที่ได้รับความเดือดร้อนจากการสร้างเขื่อน เชี่ยวหลาน เขาทำงานด้วยความเสียสละ รับผิดชอบ และมีความตั้งใจสูง คำนึงถึงความปลอดภัยและสวัสดิการของผู้ร่วมงานอย่างเช่นการปฏิบัติงานในหน้าที่หัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าตกค้างในพื้นที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2529 ซึ่งจากการสร้างเขื่อนเชี่ยวหลาน ทำให้ป่าดงดิบนับแสนไร่ต้องจมอยู่ใต้น้ำส่วนที่เป็นเนินเขาและภูเขาถูกตัดขาดเป็นเกาะน้อยใหญ่จำนวน 162 เกาะ สัตว์ป่านานาชนิดที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ต้องได้รับผลกระทบจากการ
ที่มีน้ำท่วมฉับพลัน สัตว์ป่าจำนวนมากที่หนีน้ำไม่ทันไม่น้อยกว่า 338 ชนิด ซึ่งมีสัตว์หลายชนิดที่ใกล้จะสูญพันธุ์ เช่น เลียงผา เสือลายเมฆ สมเสร็จ ช้าง กระทิง วัวแดง ไก้ฟ้าหน้าเขียว นกหว้า กบทูด เป็นต้น สัตว์ป่าเหล่านี้ต้องประสบกับการอดอาหาร ขาดร่มเงา ต้นไม้ที่เหลืออยู่บนเกาะก็กำลังจะตาย สัตว์ที่ติดอยู่บนเกาะไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องอดอาหารหรือจมน้ำตาย หากไม่ได้รับการช่วยเหลือโดยด่วน สืบ นาคะเสถียร คือหัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าเหล่านี้เป็นครั้งแรกในเมืองไทย

ผลงาน

เจ้าหน้าที่โครงการผู้หนึ่งกล่าวถึงหัวหน้าสืบว่า " เขาเป็นคนจริงจัง มีความตั้งใจโดยไม่คำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อยของตัวเอง ถ้าจะทำอะไรต้องทำโดยไม่คำนึงถึงเวลา สถานที่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน มีความตั้งใจสูง เห็นความเดือดร้อนของสัตว์มากกว่าความเดือดร้อนหรือความลำบากที่ตนเองจะได้รับ งานแทบทุกงาน แกไม่เคยนั่งดูคนอื่นทำ แกมักจะเข้าไปทำเสมอ เจอสัตว์กำลังว่ายน้ำ พวกกระรอก ค่าง ชะนี แกก็กระโดดลงน้ำเอง สัตว์อันตรายอย่างเสือ งู แกจะทำเอง แกพูดว่า เพราะแกเป็นผู้นำ ถ้าแกทำไม่ได้ คนอื่นก็จะไม่มั่นใจ
แต่ถ้าผู้นำทำงานหนัก ทำงานที่ลำบาก ทุกคนจะตั้งใจทำงานและมีกำลังใจมากขึ้น หัวหน้าเสียสละได้ทุกคนก็เสียสละได้ ผมภูมิใจนะที่ได้ทำงานกับแกเป็นผู้บังคับบัญชาที่ไม่เอาเปรียบลูกน้อง ไม่เคยเอาความดีความชอบใส่ตัว ไม่มีนาย มีแค่เพื่อนร่วมงาน
ไม่เลือกว่าคนนั้นจะเป็นลูกจ้างชั่วคราว ลูกจ้างรายวัน ไม่มีใครจริงจังและจริงใจเท่าแกเลย " ในการช่วยชีวิตสัตว์ครั้งนี้ เขาช่วยแม้แต่งูจงอางขนาดตัวยาว 3 เมตร เขาลงมือจับงูด้วยตนเองแม้จะเสี่ยงชีวิตอย่างที่สุดก็ตามเพราะจากจุดปฏิบัติงานที่กลางอ่างเก็บน้ำ กว่าจะไปถึงโรงพยาบาลต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมงเขาบอกว่า " เราต้องจับมันให้ได้เพราะอย่างไรก็เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่เราต้องช่วยชีวิตไว้เหมือนกับสัตว์อื่นๆ " เขาตระหนักเสมอว่า สัตว์ทุกตัวก็มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่และรู้ว่าคงไม่มีใครกล้าจับงู เขายอมเสี่ยงชีวิตแม้จะรู้ว่าหากถูกงูกัดคงตายแน่ๆ สองปีผ่านไป เขาเริ่มรู้ว่า งานวิชาการไม่อาจช่วยชีวิตสัตว์ที่กำลังถูกฆ่าได้ปัญหาการทำลายป่าและสัตว์ป่าเป็นปัญหาใหญ่หลวงระดับชาติที่นักวิจัยสัตว์ป่าอย่างเขาจะต้องเข้าไปแก้ปัญหาให้ได้ก่อนจะสายเกินไป
เขาได้จัดทำบทรายงานเรื่อง "การช่วยเหลือสัตว์ป่าตกค้างในพื้นที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนเชี่ยวหลาน "
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับการอนุมัติให้สร้างเขื่อนน้ำโจน ของคณะกรรมการของรัฐบาล รายงานชิ้นนี้ส่งผลอย่างมากต่อการพิจารณา เพราะเป็นครั้งแรกที่มีการศึกษาผลกระทบของสัตว์ป่าจากการสร้างเขื่อน ทำให้หลายฝ่ายสิ้นความสงสัยว่าสัตว์ป่าจะต้องล้มตายอีกมากมายเพียงใด จากการสูญเสียป่าในการสร้างเขื่อน คุณสืบนำข้อมูลเข้าไปในที่ประชุม เพื่อชี้แจงด้วยตนเองและผลการประชุมครั้งนั้นสามารถยับยั้งการทำลายชีวิต สัตว์นับหมื่นตัวและป่าไม้อีก 5แสนกว่าไร่จากการระงับการสร้างเขื่อนน้ำโจน
เดือนตุลาคม 2531 บริษัทไม้อัดไทยจะขอทำสัมปทานไม้ที่ห้วยขาแข้งตอนใต้ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีควายป่าและสัตว์ชนิดอื่นๆ อาศัยอยู่สืบได้คัดค้าน มีการจัดนิทรรศการ บรรยายในที่สาธารณะให้ชาวอุทัยธานีให้เห็นความสำคัญของป่าห้วยขาแข้งโดยไม่กลัวว่าจะถูกผู้ใหญ่เรียกมาสอบสวน เขากำลังจะได้รับทุนไปเรียนต่อในระดับปริญญาเอกที่ประเทศอังกฤษ แต่มีเสียงเรียกร้องให้เขามาดำรงตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งด้วยความเหมาะสมทุกประการ เขาจึงมิอาจปฏิเสธ เขาเข้ามารับตำแหน่งในเดือนธันวาคม 2532 เขาออกจับไม้เถื่อน ดูพื้นที่ในป่าประดู่ที่ถูกโค่นกว่า 200 ต้นเพื่อแปรรูปในป่า เขาทำงานโดยไม่กลัวการลอบทำร้าย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งมีพื้นที่ 1 ล้านไร่เศษ อยู่ในอำเภอบ้านไร่และอำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี เป็นป่าอนุรักษ์ผืนเดียวในเมืองไทยที่ไม่มีราษฎรเข้าไปบุกรุกอาศัยอยู่ เป็นป่าธรรมชาติที่มีความหลากหลายของพืชและสัตว์ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และยังมีสัตว์หายากในธรรมชาติอยู่ เช่น กระทิง วัวแดง ควายป่า นกยูง ช้าง เสือ ค่างดำ เป็นต้น เขาตั้งใจอย่างเด็ดขาดว่าจะต้องรักษาป่าผืนนี้ให้ได้ต่อไป เขาพบว่าป่าจำนวน 1 ล้านไร่เศษ อยู่ในความรับผิดชอบของข้าราชการ 12 คน เจ้าพนักงานพิทักษ์ป่า 30 คน ลูกจ้างชั่วคราว 120 คน แบ่งไปประจำ 12 หน่วย แต่ละหน่วยต้องรับผิดชอบพื้นที่ป่าถึงหน่วยละ 1 แสนกว่าไร่ และงบประมาณที่ใช้ในการดูแล
ป่าที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้ ได้เพียงไร่ละ 80 สตางค์ ต่อปี ในขณะที่ป่าสงวนที่ถูกบุกรุกจนเสื่อมสภาพแล้วรัฐให้เงินดูแลถึงไร่ละ 1,000 บาทต่อปีหน่วยพิทักษ์ป่าแต่ละแห่งอยู่ลึกเข้าไปในป่ามากบางแห่งต้องนั่งรถเข้าไป แล้วต่อเรือ ใช้เวลาเดินทางถึง 3 วันหากเป็นหน้าฝนก็ถูกตัดขาดจากโลก ภายนอก เจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความยากลำบากยิ่งนักในป่าเปลี่ยวอาจจะถูกยิงเมื่อไรก็ได้ โดยไม่มีหลักประกันใดๆ ทั้งสิ้นให้แก่ครอบครัวและตัวเขา พวกเขาขาดวิทยุสื่อสาร รถไม่เพียงพอ
อาวุธก็มีเพียงปืนลูกซองในขณะที่นักล่าสัตว์มีปืนเอ็ม 16 เคยมีเจ้าหน้าที่ถูกนักล่า
สัตว์ยิงตาย 2 ศพขณะที่วิ่งตามจับผู้ต้องหาและต่อมาก็มีเจ้าหน้าที่ถูกลอบยิง
เสียชีวิต ที่หน่วยพิทักษ์ป่าแม่เทิน ไม่มีใครสนใจไม่มีคนจากกรมป่าไม้ไปงานศพ
เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณสืบพูดด้วยความเด็ดเดี่ยวว่า " จะไม่มีใครต้องตาย
ในเขตห้วยขาแข้ง ถ้ามีก็ต้องเป็นผม " เขารู้ดีว่าจะต้องเป็นคนของเขาตายอีก
ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่สบายใจทุกครั้งที่สั่งให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจพื้นที่ในป่า
เขาต้องรับผิดชอบหากมีการตายเกิดขึ้น เขารู้ว่ารัฐบาลไม่สนใจ คนเล็กๆที่อยู่ตามป่าเขา แต่สำหรับคุณสืบแล้วเขาถือว่าพวกเขาเหมือนนักรบในสงคราม ปกป้องผืนป่า มีชีวิตที่เสี่ยงภัย พร้อมจะตายเพื่อห้วยขาแข้ง เขาพยายามหาเงินมาเพื่อเป็นสวัสดิการและประกันชีวิตให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ห้วยขาแข้ง เขาวิ่งเต้นหาเงินมาจนประสบผลสำเร็จ แต่เงินที่มีคนติดต่อมอบให้ห้วยขาแข้งต้องมอบผ่านมูลนิธิแห่งหนึ่งซึ่งมูลนิธิแห่งนี้ได้หักค่าธรรมเนียมร้อยละ 10 ของยอดเงินบริจาคทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาปวดหัวใจเป็นอย่างมาก ความอัดอั้นตันใจของสืบเกิดขึ้นอีกเมื่อทุกครั้งที่เขาจับพวกลักลอบล่าสัตว์ได้ ส่วนใหญ่คือคนยากจนในหมู่บ้านรอบๆห้วยขาแข้ง เพราะพวกนี้ทำไปเพราะความยากจนบังคับ และพวกนายทุนกลุ่มอิทธิพลในเมืองก็ส่งปืน ส่งอาหารให้แก่พรานอาชีพและ ชาวบ้าน พร้อมทั้งมีใบสั่งว่าต้องการสัตว์ป่าประเภทไหน เมื่อยิงกระทิงได้ ชาวบ้านก็เอาเนื้อและเขาขายให้นายทุน 4,000 - 5,000 บาท เขาควายป่าราคาสูงเป็นหมื่นๆ บาทขึ้นไป นายทุนบางรายได้ใจขับรถสิบล้อเข้ามาตั้งหลักกันในป่าเป็นอาทิตย์ เพื่อจับแย้จับเหี้ยนับร้อยๆ ตัวส่งขายตามร้านอาหารสัตว์ป่าที่มีอยู่รอบๆ
ตัวเมืองอุทัยธานี เขารู้ดีว่าลูกจ้างชั่วคราวที่มาทำงานให้ทางเขตห้วยขาแข้งก็เป็นลูกหลานชาวบ้านรอบๆบางครั้ง คนเหล่านี้ก็ต้องมาจับญาติพี่น้องของตัวเองคุณสืบเชื่อว่าจะต้องเร่งให้การศึกษาแก่ชาวบ้านรอบๆ พื้นที่ โดยเฉพาะเด็กๆให้เห็นถึงความสำคัญของป่าห้วยขาแข้ง เขาจึงให้ความสำคัญแก่งานเผยแพร่มาก ลงมือทำสื่อต่างๆ เอง
แล้วออกไปบรรยายตามโรงเรียน ตามที่ชุมชนต่างๆ จนถึงเก็บเครื่องมือฉายสไลด์เอง ทำทุกอย่างตั้งแต่เช้าจนค่ำ
แม้ว่าตัวจะอยู่ที่ใดเขาก็ยังห่วงห้วยขาแข้งในปัญหาลักลอบตัดไม้และล่าสัตว์
บางครั้งเที่ยงคืนเขาก็ยังอุตส่าห์ขับรถจากในเมืองเข้ามาในป่าตื่นแต่เช้ามืด
มาเขียนงาน เอกสารที่คั่งค้างไว้ พอรุ่งสางก็ขับรถออกไปตามโรงเรียน
บรรยายให้เด็กนักเรียนฟังต่อ บางครั้งไปประชุมในตัวจังหวัด เข้ากรุงเทพฯ
เพื่อประชุมงานในกรมป่าไม้ และหน่วยงานอื่นๆ ที่ต่างก็ตั้งความหวังกับเขา
ไว้มากจนเป็นกรรมการต่างๆ มากมาย "สืบ" ไม่เคยย่อท้อต่อปัญหาที่เกิดขึ้น
เขาไม่เคยเรียกร้องให้เพื่อนร่วมงานต้องทำงานหนักเท่ากับเขา เขาทุ่มเทความพยายามตลอดเวลาเพื่อรวบรวมข้อมูลป่าห้วยขาแข้งและป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เพื่อพิสูจน์ให้องค์การยูเนสโกเห็นว่าป่าทั้งสองแห่งนี้เหมาะสมที่จะเป็น "เขตมรดกทางธรรมชาติของโลก " เพื่อให้ชาวโลกช่วยกันปกป้อง ไม่ใช่เป็นสมบัติของคนไทยเท่านั้น โดยเฉพาะผู้ใหญ่บ้านเมืองนี้ที่ไม่เคยมีความจริงใจต่อการแก้ปัญหาป่าไม้เมืองไทยเลยต่อมาเขาตระหนักว่า มะเร็งร้ายที่กัดกร่อนห้วยขาแข้ง คือชาวบ้านในป่าสงวนรอบๆ ห้วยขาแข้งที่มักจะเข้ามาล่าสัตว์ ตัดไม้ในห้วยขาแข้งแล้วกลับออกไปโดยการสนับสนุนจากผู้มีอิทธิพล เขามีแนวความคิดว่าต้องแก้ปัญหาด้วยการสร้างแนวกันชนขึ้นรอบ ๆ ป่าห้วยขาแข้งในรัศมี 5 กิโลเมตร ให้เป็นเขตปลอดที่อยู่อาศัยของมนุษย์ อพยพชาวบ้านที่อาศัยติดห้วยขาแข้งให้ออกไปอยู่นอกแนวกันชนนี้ แล้วพัฒนาแนวกันชนให้เป็นป่าชุมชนทีชาวบ้านสามารถเข้ามาใช้พื้นที่ตัดไม้และหาของป่าได้ แต่แนวคิดนี้จะสำเร็จได้ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากป่าไม้เขต ป่าไม้จังหวัด กระทรวงมหาดไทย ทหาร ตำรวจ และข้าราชการท้องถิ่น ที่จะมีอำนาจในการจัดการ สืบพยายามอย่างหนักในการติดต่อข้าราชการที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ ชี้แจงให้ทุกคนเห็นความสำคัญของแนวความคิดนี้เพื่อรักษาป่าที่ดีที่สุดผืนนี้ให้ได้ แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังจากใครทั้งสิ้น ต่อมาเขาถูกกลั่นแกล้งจากบริษัททำไม้แห่งหนึ่งซึ่งบอกเล่าให้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ไปตรวจพื้นที่ที่จังหวัดอุทัยธานีว่ามีการลักลอบตัดไม้ในห้วยขาแข้งข้าราชการผู้นั้นสั่งให้คนแจ้งเรื่องไปยังป่าไม้จังหวัดและกรมป่าไม้โดยไม่สอบถามคุณสืบก่อน เขาถูกเรียกไปพบที่กรุงเทพฯ เขาเตรียมข้อมูลอย่างดีเยี่ยมเพื่อชี้แจงว่าเป็นการทำไม้นอกเขตห้วยขาแข้งและชาวบ้านแอบไปตัดโดยมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังและพยายามอธิบาย ถึงความยุ่งยากที่เขาและเจ้าหน้าที่ต้องประสบ แต่เขาไม่มีโอกาสได้ชี้แจง แต่ถูกสั่งให้ทำงานหนักกว่าเดิมอีก เขาตอบกลับไปว่า " ผมทำงานหนักกว่านี้ไม่ได้แล้ว นอกจากว่าท่านจะยืดเวลาหนึ่งวันให้ยาวไปกว่านี้และผมไม่อาจบอกคนของผม ให้ทำงานหนักกว่านี้ได้อีกแล้ว อาทิตย์ที่ผ่านมาพวกเขาแทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย " เขารู้สึกหนักอึ้งและถูกกดดัน เขารู้สึกว่าความพยายามแทบเป็นแทบตายของเขานั้นไม่ได้รับการตอบสนองจากใครทั้งสิ้น เขาสิ้นหวังกับระบบราชการ เขาไม่ได้ภูมิใจกับการเป็นข้าราชการอีกต่อไป เขารู้ว่าเขาไม่อาจจะทำอะไรให้มากกว่านี้แล้ว เขาบอกคนใกล้ชิดว่า" ทีนี้ผมแน่ใจแล้วว่า ผมกำลังต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว ผมไม่อาจคาดหวังจากใครได้อีกต่อไป "อีกไม่นานเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่เขานางรำถูกพวกล่าสัตว์จ่อยิงเผาขนแต่ไม่ตาย อีกสองอาทิตย์ต่อมาก็เกิดเหตุการณ์นี้อีก เพราะนักล่าสัตว์ได้รับการบอกเล่าว่าถ้าเจอเจ้าหน้าที่ให้ยิงให้ตาย เขาสะเทือนใจอย่างรุนแรงและรู้ดีว่าสักวันหนึ่งลูกน้องของเขาต้องถูกยิงตายแน่ๆ เขาจะต้องรับผิดชอบความมุ่งมั่นของเขาที่มีต่อห้วยขาแข้งถูกทำลายลงอย่างย่อยยับจากระบบราชการและผู้มีอำนาจในเมืองไทย เจ้าหน้าที่ที่ดูแลห้วยขาแข้งกำลังจะตายโดยที่เขาไม่อาจปกป้องได้ เขาเคยปรารภว่าจะลาออกและไปบวช แต่เขาก็ไม่ลาออกเพราะเขาต้องรับผิดชอบต่อความตั้งใจและความเชื่อของเขา การลาออกเป็นการทรยศต่อห้วยขาแข้งและลูกทีมของเขา การมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่สามารทำให้ความมุ่งมั่น ความเชื่อของเขาเป็นจริงได้ และไม่อาจช่วยเหลือคนของเขาได้ สืบ นาคะเสถียร ไม่เคยทรยศต่อหลักการและความมุ่งมั่นของตัวเอง เขาสั่งเสียลูกน้องคนสนิทเขียนจดหมายสั่งลา 6 ฉบับ ก่อนรุ่งสางของวันที่ 1 กันยายน 2533 สืบ นาคะเสถียรก็ปิดม่านชีวิตของเขาลง และเป็นบทเริ่มต้นตำนานนักอนุรักษ์ไทย สืบ นาคะเสถียร และมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS