+++เวนเกอร์บอกไม่คิดจะคว้าแข้งเรือ


อาร์เซน เวนเกอร์ ออกมายอมรับว่าเขาอยากจะคว้าตัว เกร็ก เบลลามี่ มาร่วมทีม แต่ก็ยอมรับอีกว่า เขาจะไม่คว้าตัวนักเตะที่มาจาก แมนฯ ซิตี้

อาร์เซนอล กำลังเข้าสู่ตลาดนักเตะ หลังจากที่ทีมประสบปัญหานักเตะเดี้ยงระนาว โดยเฉพาะการขาดกองหน้าตัวหลักอย่าง เพอร์ซี่ย์ และยังต้องเสีย เบนท์เนอร์ กองหน้าสำรองไปอีกคน

"ผมชอบ เบลลามี่นะ แต่ผมก็จะไม่จดจ่ออยู่กับเขาหรอก เพราะผมก็ไม่คิดว่าเราจะซื้อนักเตะที่มาจาก แมนฯ ซิตี้" เวนเกอร์กล่าว

เบลลามี่ ยิงประตูให้กับ แมนฯ ซิตี้ ไปแล้ว 6 ประตูในฤดูกาลนี้

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

เวนเกอร์เชื่อฟอร์มคงเส้นปืนมีลุ้นแชมป์ลีก



อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล มั่นใจหากลูกทีมของเขารักษาฟอร์มคงเส้นคงวาเอาไว้ได้จนถึงเดือนมีนาคม โอกาสที่จะผงาดคว้าแชมป์ลีก ในฤดูกาลนี้จะมีสูงมากทีเดียว

อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศสของ อาร์เซน่อล สโมสรฟอร์มแรงแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่าหากลูกทีมของเขารักษามาตรฐาน และการเล่นอย่างคงเส้นคงวาไปจนกระทั่งเดือนมีนาคม พวกเขามีโอกาสที่จะครองแชมป์ลีกสมัยแรกนับตั้งแต่ปี 2004

เวนเกอร์ ที่เป็นคนเดียวที่นำพลพรรค "เดอะ กันเนอร์ส" ครองแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัยที่ผ่านมา ให้ความเห็นว่า "ตอนนี้มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เราอยู่ในอันดับที่แข็งแกร่ง เรามีความเชื่อมั่น แต่หนทางมันยังอีกยาวไกล และเราต้องไม่ประมาท รวมทั้งมีการพัฒนาฟอร์มการเล่นร่วมกันอย่างต่อไป"

ขณะเดียวกัน อดีตโค้ชโมนาโก ยอมรับว่ารู้สึกแปลกใจกับฟอร์มสะดุดของ เชลซี ในช่วงเวลานี้ และเชื่อว่าหากพวกเขาเล่นได้ยอดเยี่ยมแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนถึงเดือนมี.ค. ก็มีสิทธิ์คว้าแชมป์ลีกได้ "ใช่ ผมแปลกใจ ผมสามารถพูดได้ว่าเราจะชนะทุกเกม แต่คุณไม่สามารถคาดเดาได้ว่าคู่แข่งของเราจะทำแต้มหลุดมือกี่แต้ม"

"หลังจากเกมของ เชลซี ผมพูดได้เลยว่าโอกาสมันเปิด เมื่อพวกเขาทำแต้มหลุดมือ นั่นเป็นสิ่งที่ผมเห็น และพวกเขาทำไปแล้ว แต่พวกเขาจะทำแต้มหลุดมือกี่แต้มผมไม่รู้ ผมก็แค่คิดว่าตอนนี้โอกาสคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มันเปิดกว้างมาก เราต้องไปเยือน พอร์ทสมัธ วันพุธนี้ และคุณรู้ว่ามันคงเป็นเกมที่ยากลำบาก"

"สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงลีกในฤดูกาลนี้ ก็คือทุกทีมได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ คุณเห็น เบอร์มิงแฮม เล่นกับ เชลซี แล้ว (เสมอ 0-0) มันก็เหมือนกันที่อื่นๆ มันไม่ใช่แค่คุณไปเยือน ลงสนาม และคว้า 3 แต้ม เมื่อผ่านไปจนถึงเดือนมีนาคม หลังจากนั้นคงมีบางทีมที่ปลอดภัย หรือไม่ได้ไปเล่นในฟุตบอลถ้วยยุโรป และคุณก็สามารถคว้าแต้มได้สบายๆ แต่ตั้งแต่ตอนนี้จะกระทั่งมีนาคมทีมต้องมีความคงเส้นคงวาถึงจะคว้าแชมป์ลีกได้"



ข้อมูลจาก www.siamsport.co.th

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

เหี่ยวสะใจอุดปากนักวิจารณ์เงียบกริบ

อาร์แซน เวนเกอร์ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อลยอมรับว่าเขาดีใจ ที่ไม่เคยละทิ้งความเชื่อว่าทีมของเขาจะกลับมามีลุ้นแชมป์กับทีมอื่นๆได้ โดยบรรดานักวิจารณ์ต่างพากันกาชื่ออาร์เซนอลทิ้งหลังพ่ายให้กับเชลซีคาบ้าน 3-0

4 สัปดาห์ถัดมาหลังเกมส์ที่อาร์เซนอลพ่ายเชลซี เวนเกอร์สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำแล้วว่าทีมของเขามีลุ้นแชมป์เต็มตัว โดยในตอนนี้พวกเขามีแต้มห่างเชลซีจ่าฝูง 4 คะแนนและยังเหลอเกมส์ตกค้างกับโบลตันอีก 1 เกมส์ในวันที่ 6 มกราคม

เวนเกอร์ให้สัมภาษณ์หลังเกมส์เปิดบ้านถล่มแอสตัน วิลล่า 3-0

"ผลการแข่งขันวันนี้เป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับทีม"

"หากคุณมองย้อนกลับไปในตำแหน่งที่เราเคยอยู่หลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้ การมาสุดจุดนี้ต้องให้เครดิตกับนักเตะ พวกเขาไม่เคยยอมแพ้ แม้ทุกๆคนจะพากันกาชื่อเราทิ้ง"

"เรายังคงก้าวต่อไป และแสดงให้เห็นว่าพวกเราแข็งแกร่งแค่ไหน บางทีจุดเปลี่ยนสำคัญคือการที่เราเอาชนะลิเวอร์พูลได้ 2-1"

"หลังจบเกมส์พ่ายเชลซี ผมบอกให้พวกเขาคงไว้ซึ่งความเชื่อและความปรารถนา"

"ผมเชื่อว่าทีมทีมนี้มีพรสวรรค์ กระหายชัยชนะ และมีจิตวิญญาณนักสู้ สำหรับผมแล้วพวกเขาสมควรได้รับความสำเร็จ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มี"

"มันน่าสนใจจริงๆตอนนี้ เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีมากๆ"

"เราสามารถเชื่อมั่นได้ แต่หนทางมันยังอีกไกล และเราต้องรักษาการเดินทางที่ดีแบบนี้ไว้และพยายามพัฒนาให้มากขึ้น"

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

จบข่าว!ถีบจักรยันเองไม่ย้ายไปไหน


เคร็ก เบลลามี่ออกมาสยบข่าวลือการย้ายทีมของเขาโดยยืนกรานว่าอยากอยู่เล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ต่อไปหลังมีข่าวว่าเขาไม่ลงรอยกับโรแบร์โต้ มันชินี่ผู้จัดการทีมคนใหม่

เบลลามี่ซึ่งเป็นศิษย์รักของฮิวจส์ ถูกสื่อตีประเด็นที่เขาเป็นแกนนำบรรดาแข้งซีเนียร์ 6 คนก่อหวอดกับทางสโมสรหลังสโมสรตัดสินใจปลดมาร์ค ฮิวจส์ อย่างไรก็ตามหัวหอกวัย 30 ปีเผยว่าอนาคตของเขาจะอยู่กับทีมเรือใบต่อไป

"ผมอยากจะอยู่ที่นี่ และผมจะอยู่ที่นี่"

"หน้าที่ของผมคือการลงเล่นให้กับซิตี้ ตอนที่พวกเขาจะเซ็นสัญญากับผม ผมถูกยกบทบาทให้เป็นกำลังสำคัญ"

นอกจากนี้เบลลามี่ยังราดน้ำเย็นใส่กองไฟ โดยบอกว่าเขาไม่มีปัญหาใดๆทังสิ้นกับมันโช่

"ผมไม่มีปัญหาอะไรเลยกับมันชินี่"

"มันไม่ใช่ปัญหาของเขาที่เขาต้องมาอยู่ที่นี่ อะไรที่เกิดขึ้นกับฮิวจส์ไม่เกี่ยวกับเขา"

"ผมหวังว่ามันโช่จะอยู่ที่นี่อีกยาวนานนะ เพราะส่วนหนึ่งของความสำเร็จผมเชื่อว่าเราต้องมีความคงที่ ผมหวังว่าเขาจะมีเวลาหลายปีในการทำทีม และตราบใดที่ผมอยู่ที่นี่ ผมจะทุ่มเทเต็มที่เพื่อเขา"

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

ลือเหี่ยวเตรียมช็อคแฟนบอลดึงตัวถีบจักร

อาร์แซน เวนเกอร์เตรียมทำเซอร์ไพรส์โดยเขาตกเป็นข่าวให้ความสนใจกับเคร็ก เบลลามี่กองหน้าความเร็วสูงของแมนเชสเตอร์ ซิตี้

กองหน้าวัย 30 ปีของแมนฯ ซิตี้กำลังมีสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของเขาหลังจากทางสโมสรได้ทำการปลดมาร์ค ฮิวจส์ที่เป็นผู้คว้าตัวเขาร่วมทีม โดยมีรายงานระบุว่าเบลลามี่ได้ทำการขอขึ้นบัญชีย้ายทีมในค่ำคืนที่ผ่านมา

เบลลามี่ถูกดร็อปเป็นตัวสำรองเพื่อหลีกทางให้กับโรบินโญ่ ในเกมส์แรกของโรแบร์โต้ มันชินี่ที่เปิดบ้านเอาชนะสโต็ค 2-0

เวนเกอร์กำลังพิจารณาหาตัวเลือกในแดนหน้าหลังอาการบาดเจ็บของกองหน้าตัวเป้าทั้งโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์และนิกคลาส เบนท์เนอร์

"เคร็กเป็นนักสู้ และเป็นสิ่งที่อาร์เซนอลต้องการ" โค้ชคนสนิทของเบลลามี่เผย

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

ปืนเตรียมทุน 20 ล้านล่าหน้า 1-หลัง 1 ช่วงปีใหม่

อาร์เซน่อลไม่ปล่อยโอกาสตลาดเปิดให้หลุดลอยด้วยการเตรียมทุน 20 ล้านปอนด์ล่ากองหน้า 1 รายและกองหลัง 1 รายมาเสริมทัพในเดือนมกราคมนี้

"ปืนโต" ยังคงมีเงินทุนอยู่ 30 ล้านปอนด์ซึ่งมาจากการขายเอ็มมานูเอล อเดบายอร์และโคโล ตูเร่ไปให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในช่วงซัมเมอร์ และอาจตัดสินใจลงตลาดปีใหม่แม้ว่าอาร์แซน เวนเกอร์เคยเอ่ยมาก่อนหน้านี้ว่าจะไม่รีบหาตัวแทนของโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และนิคลาส เบนท์เนอร์ สองหัวหอกที่บาดเจ็บยาวก็ตามเพราะมีอังเดร อาร์ชาวิน หอกพริกขี้หนูยืนเป็นหน้าตัวเป้าอยู่แล้ว

ขณะนี้พลพรรค "ยังกันส์" มีโอกาสสดใสในการไล่บี้ลุ้นแชมป์กับเชลซีหลังเอาชนะแอสตัน วิลล่า 3-0 ทำคะแนนไล่ตามเชลซีเหลือ 4 คะแนนแถมยังแข่งน้อยกว่า 1 นัดด้วย

เชื่อกันว่า "น้าเหี่ยว" จะเลือกยื่น 4 ล้านปอนด์เพื่อคว้าตัวมารูยาน ชามัคหอกบอร์กโดซ์เพราะราคาโอเคแต่จะไม่บ้าจี้ยื่น 35 ล้านปอนด์เพื่อล่าตัวเอดิน เซโก้แน่

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

ซูเปอร์ซับ!เชสก์เหมาสองปืนถล่มวิลล่า 3-0

"ปืนใหญ่"อาร์เซนอลกลับมาลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกเต็มตัวอีกหนหลังฟ้าประทานเชสก์ ฟาเบรกัสซูเปอร์ซับเหมาคนเดียวสองประตูเอาชนะแอสตัน วิลล่าเหนือชั้น 3-0 ก่อนไล่บี้เชลซีเข้ามาเหลือ 4 แต้มแถมเตะน้อยกว่าหนึ่งเกมด้วย

พรีเมียร์ลีก

วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2552

อาร์เซนอล 3-0 แอสตัน วิลล่า

ประตู : 1-0 ฟาเบรกัส น.65,0-0 ฟาเบรกัส น.81,3-0 ดิยาบี้ น.90+1

ครึ่งแรก

ปืนโคตรดุบุกกระจาย
แค่ 2 นาทีอาร์เซนอลได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษเป็นนาสรี่ปั่นเข้าเขตโทษบอลตกมาเสาไกลเป็นโธมัส เฟอร์มาเลนได้ซัดด้วยอีซ้ายเน้นๆแต่ฟรีเดลล์ล้มตัวปัดสุดเหนียว

อีก 2 นาทีต่อมาเจ้าถิ่นมาอีกชุดเมื่อเดนิลสันฝากบอลให้ดิยาบี้บังแล้วหมุนตัวควงพลิกสุดยอดแล้วแตะไหลให้เอดูอาร์โด้พลิกยิงในเขตโทษแต่เบาก๋องเข้ามือฟรีเดลล์ เล่นเอาอาร์แซน เวนเกอร์งิ้วออกฉุนสุดๆเพราะลูกทีมเล่นเผาโอกาสตั้งแต่ต้นกันเลยทีเดียว

อาร์ชาวินได้ยิง
เกมยังเป็นของเจ้าถิ่นเกือบๆจะข้างเดียวและนาทีที่ 12 อาร์ชาวินพลิกบอลในกรอบเขตโทษแล้วหมุนตัวยิงแต่ก็ยังโดนเบาเข้ามือฟรีเดลล์สบาย

วิลล่าเกือบเฮก่อน
แต่ไม่ถึงนาทีต่อมาวิลล่าสวนกลับเกือบตีเสมอได้หลังยังปั่นยิงในกรอบบอลแฉลบกองหลังข้ามหัวอัลมูเนียที่ทิ้งตัวไปแล้วยังดีบอลเฉี่ยวคานออกหลังเสียแค่เตะมุม

ปืนชักหนืด
แต่หลังผ่านมา 20 นาทีเศษๆวิลล่าเริ่มจับจังหวะการเล่นของ"ปืนใหญ่"ได้มากขึ้นเรื่อยๆทำให้รูปเกมกลับมาสูสีแต่โดยรวมแล้วยังเป็นลูกทีมเวนเกอร์ที่ได้ครองบอลทำเกมเข้าใส่เช่นเดิม

ครึ่งหลัง

ยังโดนเหลืองติดแบนเจอหงส์
เล่นมา 10 นาทีแอชลีย์ ยังไม่ระวังตัวไปสไลด์ใส่ซงช้าล้มทั้งยืนเลยเจอใบเหลืองทำให้ติดแบนนัดเจอลิเวอร์พูลในวันอังคารนี้อย่างโชคร้าย

ปืนมาเป็นชุด
นาที 57 "ปืนใหญ่"น่าขึ้นนำสุดๆหลังลูกเตะมุมเป็นดูดู้โขกเน้นๆตรงระยะ 6-7 หลาติดบล็อกฟรีเดลล์แล้วกัลลาส์ตามมาซ้ำจ่อๆ 2 หลาแต่นายทวารมะกันบล็อกเร็วอีกก่อนที่คูเอญ่าจะมาเคลียร์ทิ้งทันควั

อีก 2 นาทีต่อมาอาร์ชาวินไหลบอลให้ดูดู้วิ่งควบไปเอาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายแล้วตวัดตัดเข้าในแต่ติดบล็อกแล้วกองหลังทีมเยือนไม่รู้กันวิ่งข้าม

อาร์ชาวินซัดเกือบหาย
อีกนาทีเดียวอาร์เซนอลยังชวดโอกาสขึ้นนำไปอีกหลังฟาเบรกัสฝากบอกให้อาร์ชาวินส่องด้วยอีซ้ายเลียดพุ่งเข้ามุมแต่ฟรีเดลล์ล้มตัวปัดแถมดูดู้มาซ้ำไม่ทันเจอเคลียร์ทิ้งซะก่อน

เชสก์ปั่นหาย 1-0
แต่แล้วนาที 65 อาร์เซนอลมาขึ้นนำจนได้จากฟรีคิก 25 หลาเป็นเชสก์ปั่นเฉี่ยวหัวกำแพงโค้งเข้ามุมเสียบหน้าต่างผ่านมือฟรีเดลล์ที่พุ่งมาปัดไม่ทัน 1-0 แล้ว

ปืนเหนือแล้ว
พอโดนเข้าไปทีนี้อาร์เซนอลที่เหนือกว่าอยู่แล้วยิ่งเล่นด้วยความมั่นใจไม่เร่งรีบจนเกมเสียเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้วและแนวรับวิลล่าจะดันก็ไม่กล้าเพราะเวนเกอร์ส่งธีโอ วัลค็อตต์มาป่วนทางปีกขวาอีกคน

เชสก์สุดตีนซัดเม็ดสอง
วิลล่าที่บุกเพลินๆนาที 81 เจออาร์เซนอลสวนตูมเดียว 2-0 จากจังหวะที่ตราโอเร่วางยาวจากแดนตัวเองให้วัลค็อตต์วิ่งมาเอาตรงกลางสนามแล้วเลี้ยงเอื่อยๆรอให้เชสก์วิ่งทำทางมาถึงหน้าเขตโทษแล้วไหลบอลเข้าเขตโทษให้ยอดกัปตันทีมวิ่งมาแปสวนตัวฟรีเดลล์เข้าไปสุดสวย

เหี่ยวเปลี่ยนเชสก์
แต่อีก 3 นาทีต่อมาเชสก์มีอาการเจ็บจนเวนเกอร์ต้องรีบเปลี่ยนออกเพื่อปลอดภัยไว้ก่อนท่ามกลางเสียงปรบมือของแฟนบอลเพราะเป็นการลงมาช่วยทีมที่คุ้มเอามากๆ

อักบี้เกือบตีไข่แตก
ก่อนหมดเวลา 4 นาทีวิลล่ายังไม่ยอมตายง่ายๆเมื่ออักบอนลาฮาร์ลากตะแคงเข้าในกรอบเขตโทษแล้วยิงติดบล็อกกัลาส์บอลแฉลบข้ามอัลมูเนียที่ปรี่ไปปัดข้างๆเสาก่อนที่อักบี้จะแหย่ยิงเผาขน จังหวะนี้วิ่งชนกันจนจอมหนึบเลือดสเปนเจ็บไปเลย

อักบี้เกือบตีไข่แตก
ทดเจ็บนาทีแรกอาร์เซนอลมาปิดท้ายลูกสามจากลูกโซโล่เดียวกลางสนามของดิยาบี้มาเรื่อยๆจนถึงหัวกระโหลกแล้วเอี้ยวตัวปั่นยิงหนีดันน์บอลเสียบมุมฟรีเดลล์พุ่งไม่ทัน จบเกม"ปืนใหญ่"สอนบอล 3-0 แซงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นรองจ่าฝูงไล่จี้เชลซีเข้ามาเหลือ 4 แต้มเตะน้อยกว่าหนึ่งเกม

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

อาร์เซนอล : มานูเอล อัลมูเนีย 6,บาคารี่ ซาญ่า 7,วิลเลี่ยม กัลลาส์ 7,โธมัส เฟอร์มาเลน 7,อาร์ม็องค์ ตราโอเร่ 7,อเล็กซานเดอร์ ซง 8,เดนิลสัน 6(ฟาเบรกัส น.57,9 * ,แรมซีย์ น.84),ซาเมียร์ นาสรี่ 7,วาสซิริกิ ดิยาบี้ 7,เอดูอาร์โด้ ดาซิลวา 7(วัลค็อตต์ น.63,8),อังเดร อาร์ชาวิน 7

แอสตัน วิลล่า : แบร๊ด ฟรีเดลล์ 6,ลุค ยัง 5(เดลฟ์ น.76,5 ),ริชาร์ด ดันน์ 7,คาร์ลอส คูเอญาร์ 7,สตีเฟ่น วอร์น็อค 7,แอชลีย์ ยัง 5,สติลิอัน เปตรอฟ 5,เจมส์ มิลเนอร์ 6,สจ๊วต ดาวนิ่ง 7,กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ 7,เอมิล เฮสกีย์ 6(คาริว น.63,6)

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

** เส้นทางที่เลือกเดิน....? **





ในชีวิตมีหลายทางเลือกให้เลือกเดิน....
ถ้าเป็นเธอ...เธอจะเลือกทางไหน??

ทางแรก....เป็นทางที่มีผู้คน เพื่อนมากมายแต่กลับ
รู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้าง....ไม่มีใครเข้าใจ
มีแต่การพูดจาทำร้ายจิตใจ....

ถ้าจะเลือกทางแรก อาจมีเหตุผลเพราะว่า...
กลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว..กลัวที่ใครจะนินทาว่าเป็น “หมาหัวเน่า...ไม่มีคนคบ”
กลัวสิ่งเหล่านี้หรือเปล่า?...

ทางที่สอง เป็นทางที่ไม่มีใคร อ้างว้าง...แต่....
ภายในใจของเรารู้สึกอบอุ่น...มีความสุข
กับการที่ได้เดินในทางที่สอง

ถึงแม้ว่า.....
ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนมากมาย....มาเดินเคียงข้าง
แต่....กลับรู้สึกว่าการที่อยู่ตัวคนเดียว ยังรู้สึกสบายใจ...มีความสุข
มากกว่าอยู่กับเพื่อนมากมาย ที่เรารู้สึกว่า เค้าไม่เคยที่จะรักเราเลย.....

---------------------------------------------------------------
“เลือกที่จะมีความสุข...อย่ากลัวที่จะโดดเดี่ยว....”
ตัดสินใจคิดให้ดีว่าจะเลือกทางไหน...
ที่มันจะไม่ทำให้เราเสียใจในภายหลัง.....!!

---------------------------------------------------------------…


  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

~~!-สามสิ่ง-!~~



สามสิ่ง..ในชีวิตที่ไม่หวนกลับคือ เวลา คำพูดและโอกาส
สามสิ่ง..ที่ชีวิตเราจะขาดเสียมิได้คือ ความสงบของจิตใจ ความซื่อสัตย์และความหวัง
สามสิ่ง..ที่มีคุณค่าต่อชีวิตคือ ความรัก ความมั่นใจในตัวเองและเพื่อน
สามสิ่ง..ที่ไม่แน่นอนคือ ความฝัน ความสำเร็จและโชคชะตา
สามสิ่ง..ที่นำไปสู่ความพินาศของคนคือ เหล้า ความเย่อหยิ่งและความโกรธ

และ
อีกสามสิ่งที่ เป็นจริงเสมอคือ
อนิจจํ ความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ทุกขํ ความดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่
อนตฺตา การควบคุมกาลเวลาไม่ได้

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

ประวัติส่วนตัว ยืนยง โอภากุล แอ๊ด คาราบาว

ยืนยง โอภากุล (แอ๊ด คาราบาว)

ยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต เกิดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2497 พื้นเพคนตำบลท่าพี่เลี้ยง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรชายฝาแฝดคนเล็ก ครอบครัวมีอาชีพค้าขายของ ที่ตลาดเมืองสุพรรณบุรี เริ่มต้นการศึกษาในระดับประถมศึกษาโรงเรียนวัดสุวรรณภูมิ ระดับมัธยมที่ โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย จากนั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญก็เกิดขึ้น แอ๊ดตัดสินใจบินเดี่ยวมาพร้อมกับรถส่งไปรษณีย์เพื่อเข้ามาศึกษาต่อระดับ อุดมศึกษาที่อุเทนถวาย และบินไปเรียนต่อระดับปริญญาที่ ประเทิศฟิลิปปินส์ สมัยเรียนร่วมก่อตั้งวงคาราบาวกับกิรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร หรือ เขียวคาราบาวเพื่อนสมัยเรียนที่ฟิลิปปินส์ หลังจากจบการศึกษาแล้ว ได้บินกลับมาเมืองไทยเข้าทำงานในตำแหน่งสถาปนิกที่การเคหะแห่งชาติ เป็นเวลา 5 ปีและมีเล่นดนตรีตอนกลางคืนไปด้วย

จากนั้นได้มีโอกาส เข้าไปเป็นโปรดิวเซอร์ให้วงแฮมเมอร์ที่ทำเพลง ประกอบภาพยนตร์เรื่องหมามุ่ยของ พนม นพพร ในสมัยนั้น จากการทำงานดังกล่าวจึงเกิดแรงบันดาลใจในการทำอัลบั้มชุดแรกขึ้นมาในนามวงคา ราบาว ใช้ชื่อชุดว่าขี้เมา ใน ปี พ.ศ. 2524 โดยชักชวนเขียวที่ทำงานประจำลาออกมาร่วมกันทำอัลบั้มดังกล่าวด้วย และนี่เองเป็นจุดเริ่มแรกของ แอ๊ด คาราบาว หัวเรือใหญ่ที่นำพาวงคาราบาว ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านเรื่องราวการต่อสู้ ความวุ่นวายมากมาย มาจนถึงปัจจุบัน ก้าวล่วงเข้าสู่ปีที่ 23 ด้วยผลงานเพลงมากกว่า 90 อัลบั้ม ไม่ว่าจะเป็นผลงานภาคปกติ ภาคพิเศษ ภาคแสดงสด ของคาราบาว

บทเพลง ของคาราบาวมีหลากหลาย แต่ละบทเพลงล้วนแล้วแต่มีความหมายเป็นเรื่องราวบอกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ณ ยุคสมัยนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นบทเพลงที่ทำให้คาราบาวประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยเพลงเมดอินไทย แลนด์ ที่ให้คนไทยกลับมานิยมใช้สินค้าของไทย เป็นอัลบั้มที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ เพลงต่างๆ ที่ถูกแต่งขึ้น ด้วยภาษาการประพันธ์ที่สละสลวยแฝงด้วยข้อคิดต่างๆ มากมายซึ่งส่วนหนึ่งจากการแต่งเพลง แอ๊ดคาราบาวเป็นผู้ที่รักการอ่าน โดยเฉพาะแนวปรัชญา ศาสนา ซึ่งก็ได้นำเรื่องราวเหล่านี้มาเขียนเป็นบทเพลงด้วยเช่นกัน ทั้งหมดนี้ทำให้บทเพลงของคาราบาวเป็นบทเพลงที่ทุกคนล้วนแล้วแต่จดจำ ฟังติดหู และบางเพลงก็เป็นเพลงอมตะ ที่ร้องกันมาจนถึงปัจจุบันนี้


ศิลปิน : ยืนยง โอภากุล (แอ๊ด คาราบาว)
ภาพโดย : ชัยยุทธ์ ลิมลาวัลย์


ช่วง เวลา 23 ปีที่ผ่านมา แอ๊ดคาราบาว นอกจากงานเพลงของคาราบาวแล้ว ยังทำงานเพื่อสังคมรับใช้ประเทศชาติร่วมกับหน่วยงานองค์กรทั้งภาครัฐและเอก เชนต่างๆ อย่างเช่น โครงการตู้หนังเพื่อเยาวชน เพื่อให้เยาวชนได้มีหนังสือได้อ่าน การเป็นตัวแทนศิลปินเพลง ที่ทำเพลงในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 บางกอกเกมส์ อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย รักษ์ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม เช่น การต่อสู้เรื่องการต่อต้านการสร้างเขื่อนทำลายป่า ต่อสู้ความไม่เป็นธรรมของสังคมเรียกร้องประชาธิปไตย ณ ยุคสมัยหนึ่ง ถือได้ว่าเป็นนักต่อสู้เพื่อความถูกต้องคนหนึ่ง

นอกจากนี้ แอ๊ด คาราบาว ยังได้เข้าสู่วงการบันเทิง เป็นนักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ละคร อาทิเช่น ในภาพยนตร์องค์บาก พรางชมพู กษัตริยา มหาราชกู้แผ่นดิน บางระจัน นายขนมต้ม ฯลฯ และในด้านงานโฆษณา เช่น เพื่อเมืองไทยด้วยใจและใจของโค้ก เพลงประกอบโฆษณาเบียร์ช้าง เป็นต้น หรือแต่งเพลงให้กับรายการทีวี เช่น เกมส์แก้จน และเป็นนักแสดงเองด้วยด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่องเสียงเพลงแห่งเสรีภาพ พรางชมพู กษัตริยา มหาราชกู้แผ่นดิน ท้าลิขิต เป็นต้น จากนั้นแอ๊ด คาราบาวได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้ประพันธ์บทภาพยนตร์ของตัวเอง ในโครงการปั้นเพลงให้เป็นหนัง ในภาพยนตร์เรื่องคนล่าฝัน นางงามตู้กระจก และภาพยนตร์เรื่องเจ้าตาก

งานอดิเรกของแอ๊ดคาราบาวนั้น ชอบเลี้ยงไก่ชน ซึ่งไม่ใช่แค่เลี้ยงอย่างเดียว ยังมีความสนใจในทุกเรื่องราวของไก่ชนในสายพันธุ์ต่างๆ อย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นเหลืองหางขาว เจ้าทองหยอด เจ้าหงส์หยก เจ้าดอกไม้ไฟ จนได้รับการแต่งตั้งให้รับตำแหน่งนายกสมาคมส่งเสริมอาชีพไก่ชนไทย และยังร่วมต่อสู้ให้ภาครัฐผลิตวัคซีนไข้หวัดนกฉีดไก่ชน

ด้วยวัยที่ ก้าวขึ้นเลขห้า แอ๊ดคาราบาวได้วางรากฐานให้กับชีวิตครอบครัวและลูกน้อง โดยการตัดสินใจก้าวเข้าสู่วงการธุรกิจผลิตเครื่องดื่มบำรุงกำลัง ร่วมกับเสถียร เศรษฐสิทธิ์ เจ้าของโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ในสินค้าที่ชื่อ “คาราบาวแดง” ในปี พ.ศ.2545 ที่ทำให้ทุกคนล้วนแปลกใจด้วยสโลแกน คาราบาวถูกป้ายสี? และผลิตภาพยนตร์โฆษณาคาราบาวแดงแบบมิวสิคมาร์เก็ตติ้งที่ทำให้คนทั้งประเทศ รู้จักคาราบาวแดงได้อย่างรวดเร็ว และจนถึงปัจจุบันนี้เครื่องดื่มคาราบาวแดงก็เป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและ ต่างประเทศ

ด้วยความเป็นบุคคลที่ไม่หยุดนิ่งของแอ๊ดคาราบาว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทำให้ทุกวันนี้ แอ๊ด คาราบาวมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบมากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานสร้างสรรค์บทเพลงในนามคาราบาว งานด้านธุรกิจ งานด้านรับใช้สังคมประเทศชาติ อีกทั้งยังทำให้คนอีกไม่น้อยยึดถือเป็นแนวทางในการดำเนินชิวิต ในฐานะคนล่าฝัน ที่ล่าฝันได้สำเร็จแล้วในชีวิต!

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

เรื่องน่ารู้ของเมืองไทยที่คุณต้องอึ้ง

เรื่องน่ารู้ของไทย

ในสมัยเด็กๆ หลายคนอาจจะต้องท่องจำว่า ใครคือนายกรัฐมนตรีคนแรกของไทย แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่ออะไร ใครเป็นผู้แต่งเพลงสรรเสริญพระบารมี ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ แม้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หลายคนก็ยังจำได้อยู่ แต่หลายคนก็อาจจะลืมเลือน ดังนั้น เพื่อเป็นการทบทวนความจำ ทั้งความรู้เก่าและเกร็ดความรู้ใหม่ ที่บางคนอาจจะไม่เคยทราบมาก่อนเกี่ยวกับประเทศไทย ด้วยบร๊ะลานุภาพของโจ๊กโซคูล จึงขอนำสาระบางส่วนจากหนังสือ “ความรู้รอบตัว รอบรู้เรื่องเมืองไทย” ของฝ่ายวิชาการชมรมเด็ก ซึ่งจัดพิมพ์โดยสุวีริยาสาส์น มาเพื่อเสนอดังต่อไปนี้


ภาพ:11545464.jpg


แบบเรียนเล่มแรกของไทย

แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่อ “จินดามณี” แต่งโดย พระมหาราชครู กวีในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (ครองราชย์ปี พ.ศ. 2199 - 2231)

ถนนสายแรกในเมืองไทย

ถนนสายแรกในเมืองไทย คือ ถนนเจริญกรุง (New Road) สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อ พ.ศ. 2404 โดยต่อมาได้มีการตัดถนนบำรุงเมือง ถนนเฟื่องนคร รวมทั้งถนนพระราม 4 และถนนสีลมในเขตชานพระนคร


ภาพ:jarrenkung.jpg


น้ำแข็งเข้ามาเมืองไทยครั้งแรก

น้ำแข็งเข้ามาเมืองไทยครั้งแรก ในสมัยรัชกาลที่ 4 ประมาณ พ.ศ. 2410 สันนิษฐานว่า ผลิตที่สิงคโปร์แล้วส่งมาถวาย โดยใส่หีบกลบขี้เลื่อย คนเฒ่าคนแก่ในสมัยนั้น ไม่เชื่อว่าจะทำน้ำแข็งได้จริง ถึงกับออกปากว่า “จะปั้นน้ำเป็นตัวได้อย่างไร”


พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่เสด็จประพาสต่างประเทศ

พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรก ที่เสด็จประพาสต่างประเทศคือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยเสด็จประพาสสิงคโปร์เป็นแห่งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2413 และเสด็จชวาด้วย


ภาพ:ro5.jpg


ผู้ที่ประพันธ์เพลงสรรเสริญพระบารมี

ผู้ที่ประพันธ์เพลงสรรเสริญพระบารมี คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ โดยมีนายปโยตร์ ซูโรฟสกี้ (Pyotr Shchurovsky) ชาวรัสเซีย แต่งทำนองเพลงขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. 2431


ธนบัตรหรือเงินกระดาษของไทย

ธนบัตรหรือเงินกระดาษของไทย ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ผลิตขึ้นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 พิมพ์ออกใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2445 โดยก่อนหน้านั้น ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้มีการผลิตธนบัตร หรือเงินกระดาษออกใช้เป็นครั้งแรก ในเมืองไทยแล้ว เมื่อปี พ.ศ. 2396 แต่เรียกว่า “หมาย” ทำด้วยกระดาษปอนด์สีขาวรูปสี่เหลี่ยม พิมพ์ลวดลายด้วยหมึกทั้งสองด้าน และประทับตรา พระราชลัญจกรประจำแผ่นดิน ตราจักร และพระราชลัญจกรประจำรัชกาลสีแดงชาด (ลัญจกร อ่านว่า ลัน-จะ-กอน แปลว่า ตราสำหรับใช้ตีหรือประทับ ราชาศัพท์ใช้คำว่า พระราชลัญจกร)

ผู้ที่คิดออกลอตเตอรี่เป็นคนแรกในเมืองไทย

ผู้ที่คิดออกลอตเตอรี่เป็นคนแรกในเมืองไทย คือ มิสเตอร์เฮนรี่ อาลบาสเตอร์ (ต้นตระกูล “เศวตศิลา”) ชนชาติอังกฤษ เป็นผู้นำลักษณะการออกรางวัลสลากแบบยุโรปมาเผยแพร่เป็นคนแรก โดยเรียกว่า “ลอตเตอรี่” โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้กรมทหารมหาดเล็กออกลอตเตอรี่เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๗ เนื่องในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา


ภาพ:clock.jpg


คนไทยคนแรกที่ได้ขึ้นเครื่องบิน

คนไทยคนแรกที่ได้ขึ้นเครื่องบิน คือ พระบรมวงศ์เธอ กรมพระยากำแพงเพ็ชรอัครโยธิน โดยประทับเครื่องบินออร์วิลไรท์ คู่กับกัปตัน มร.เวนเดนเปอร์น ซึ่งขับวนเวียนเหนือสนามราชกรีฑาสโมสร เป็นเวลา 3 นาที 45 วินาที เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ.2453 เป็นเครื่องบินที่บริษัทฝรั่งเศสนำมาแสดง ณ ราชกรีฑาสโมสร(สนามม้านางเลิ้ง) ซึ่งถือว่าเป็นสนามบินแห่งแรก ที่ใช้ในการบินของเมืองไทยด้วย

พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรก ที่ทรงผ่านการศึกษาจากต่างประเทศ

พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรก ที่ทรงผ่านการศึกษาจากต่างประเทศคือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เสด็จไปศึกษา ณ ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่เมื่อครั้งทรงยังดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เมื่อปี พ.ศ. 2436 - 2445 รวมระยะเวลา 9 ปี

นามสกุลหมายเลข 1 ที่รัชกาลที่ 6 ทรงคิดพระราชทาน

นามสกุลหมายเลข 1 ที่รัชกาลที่ 6 ทรงคิดพระราชทาน คือ นามสกุล “สุขุม” พระราชทานเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ.2456 ต้นสกุลคือ เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม)


ภาพ:anan.jpg


ผู้ที่ให้กำเนิดรถแท็กซี่ขึ้นในประเทศไทยครั้งแรก

ผู้ที่ให้กำเนิดรถแท็กซี่ขึ้นในประเทศไทยครั้งแรก คือ พลโท พระยาเทพหัสดิน (ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เป็นรถยนต์นั่ง (รถเก๋ง) ยี่ห้อออสติน จำนวน 4 คัน เปิดบริการรับจ้างครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2466 ในสมัยรัชกาลที่ 6 ในสมัยนั้นเรียกว่า “รถไมล์”

ประเทศไทยเริ่มนับเวลา ตามแบบสากลครั้งแรก

ประเทศไทยเริ่มนับเวลา ตามแบบสากลครั้งแรกในสมัย รัชกาลที่ 6 โดยแต่เดิมเรานับเวลาตอนกลางวันเป็น “โมง” และตอนกลางคืนเป็น “ทุ่ม” พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงให้เปลี่ยนมาเรียกว่า “นาฬิกา” (เขียนย่อว่า “น.”) และให้นับเวลาทางราชการใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับธรรมเนียมสากลนิยม โดยให้ถือว่าเวลาหลังเที่ยงคืนเป็นเวลาเปลี่ยนวันใหม่ และให้ถือเวลาที่ตำบลกรีนิช ประเทศอังกฤษเป็นมาตรฐาน ซึ่งเวลาในประเทศไทย เป็นเวลาก่อนหรือเร็วกว่าเวลาที่กรีนิช 7 ชม. เช่น ไทยเป็นเวลา 19.00 น. ทางกรีนิชเท่ากับ 12.00 น. เป็นต้น

ผู้ที่ประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทยเครื่องแรก

ผู้ที่ประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทยเครื่องแรก คือ มิสเตอร์เอ็ดวิน แมกพาแลนด์ ยี่ห้อเรมิงตัน

นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย

นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย คือ พระยามโนปกรณนิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) เข้าดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 - 20 มิถุนายน พ.ศ.2476 ส่วนนายกรัฐมนตรีคนแรก ที่ถูกบังคับให้ออกจากตำแหน่งคือ นายควง อภัยวงศ์ หลังจากที่เข้าดำรงตำแหน่งได้ประมาณ 1 เดือนเศษ ในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2491 ได้ถูกคณะนายทหารเข้าพบ เพื่อขอร้องแกมบังคับ ให้ลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้เพื่อเปิดทางให้กับจอมพลป. พิบูลสงคราม กลับเข้าเป็นนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 3


ภาพ:manopakorn.jpg


ยศสูงสุดของทหารไทย

ยศสูงสุดของทหารไทย คือ ยศจอมพล แต่ปัจจุบันไม่มีการแต่งตั้งแล้ว ยศสูงสุดทางทหารในปัจจุบันคือ “พลเอก” ผู้ที่เป็นจอมพลคนแรกของไทยคือ จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภานุพันธุวงศ์วรเดช ทรงเป็นต้นสกุล “ภาณุพันธุ์” ส่วนจอมพลคนแรกในระบอบประชาธิปไตย คือ จอมพลป. พิบูลสงคราม และคนสุดท้าย ที่ดำรงตำแหน่งจอมพลในระบอบประชาธิปไตยคือ จอมพลประภาส จารุเสถียร เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2516 (สำหรับพระมหากษัตริย์ จะทรงดำรงตำแหน่ง “จอมทัพไทย”)

ผู้ประพันธ์เพลงชาติไทยในปัจจุบัน

ผู้ประพันธ์เพลงชาติไทยในปัจจุบัน คือ พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยากร) เป็นผู้แต่งทำนอง และหลวงสารานุประพันธ์ (นวล ปาจิณพยัคฆ์) เป็นผู้แต่งเนื้อร้อง เมื่อ พ.ศ. 2483

ผู้ที่คิดฝนเทียม หรือ ฝนหลวง ขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย

ผู้ที่คิดฝนเทียม หรือ ฝนหลวง ขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช โดยได้ทรงค้นคิดและวิจัยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 และทรงถ่ายทอดแนวพระราชดำริ และผลการวิจัยแก่ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล วิศวกรผู้เชี่ยวชาญทางการเกษตร จนมีการทำฝนหลวงพระราชทานครั้งแรก ในปีพ.ศ. 2512

มกุฎราชกุมารพระองค์แรก ที่ทรงเข้าศึกษาในโรงเรียนเสนาธิการทหารบก

มกุฎราชกุมารพระองค์แรก ที่ทรงเข้าศึกษาในโรงเรียนเสนาธิการทหารบก คือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร


สมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์แรก ที่สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยของประเทศไทย

สมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์แรก ที่สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยของประเทศไทย คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยทรงจบอักษรศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 1 จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อปี พ.ศ. 2519

คนไทยคนแรก ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานสมัชชาใหญ่ แห่งสหประชาชาติ

คนไทยคนแรก ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานสมัชชาใหญ่ แห่งสหประชาชาติ คือ พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2499

ผู้นำไทยคนแรก ที่ได้รับรางวัลแมกไซไซ

ผู้นำไทยคนแรก ที่ได้รับรางวัลแมกไซไซ คือนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 18 ของไทย ได้รับในสาขางานบริการภาครัฐบาล ประจำปี พ.ศ. 2540

ทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่งในหนังสือดังกล่าว ซึ่งหวังว่าจะทำให้ผู้อ่าน และผู้สนใจได้รับความรู้เพิ่มขึ้น เรียบเรียงจากหนังสือ ความรู้รอบตัว รอบรู้เรื่องเมืองไทย โดย ฝ่ายวิชาการชมรมเด็ก โทร.02-871-7542

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

Che Guevara

image

Ernesto Rafael Guevara de la Serna

Ernesto Che Guevara (เช กูวารา) เกิดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ปี 1928 (ข้อมูลหลายแห่งบอกว่า เขาเกิดในเดือนมิถุนายน แต่จริง ๆ แล้วมารดาของเขา ต้องการปกปิดว่าเธอตั้งครรภ์ก่อนแต่งราว สามเดือน จึงให้แพทย์ลงในใบเกิดว่าคลอดเดือนมิถุนายน เพราะการคลอดก่อนกำหนดเจ็ดเดือน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้) ที่เมือง โรซาริโอ (Rosario) อำเภอเล็ก ๆ ของกรุงบัวโนส ไอเรส (Buenos Aires) ประเทศอาร์เจนตินา ครอบครับของเขาเป็นชนชั้นกลาง เขาเป็นบุตรของ Ernesto Guevara Lynch และ Celia de la Serna Llosa มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน และ Ernesto เป็นพี่ชายคนโต บิดาเป็นนักธุรกิจที่มีปัญหาเรื่องการเงินอยู่เสมอ แต่ก็สามารถประคับประคองครอบครัวให้มีความสุขตลอดมา

image

image

ในวัยเด็ก Ernesto เกิดและโตอยู่ท่ามกลางเรื่องราวความแตกต่างของชนชั้นทางสังคมมาตลอด สายเลือดแห่งความเป็นนักสังคม และการมีบุคลิกที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้คนยอมรับภาวะการเป็นผู้นำของเขา ก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากบิดามารดานั่นเอง

หนูน้อย Ernesto เริ่มเป็น โรคหอบหืด (Asthma) ตอนเอายุได้เพียงสองขวบเท่านั้น และโรคนี้ก็กลายเป็นโรคประจำตัว ของเขาไปตลอดชีวิต โรคหอบหืด เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของ Ernesto ในเวลาต่อมา เนื่องจาก เมื่อโตขึ้น เขาตั้งใจว่าจะเรียนวิชาแพทย์เพื่อหาทางรักษามันให้หายให้ได้

image
image

ปี 1947 Ernesto เข้าเรียนคณะแพทยศาสตร์ในมหาวิทยาลัย Universidad Nacional de Cordoba โดยเน้นวิชาการด้านผิวหนัง (Lepraleiden (โรคเรื้อน)) ครอบครัวของเขาตัดสินใจย้ายบ้านไปอยู่ที่เมือง Alta Gracia ซึ่งอยู่ใกล้กับเมือง Cordoba เมืองที่เขาเรียนอยู่ ทั้งนี้เพราะที่เมืองนี้ มีอากาศที่เหมาะสมและดีต่อสุขภาพของ Ernesto

ในช่วงของการเรียนมหาวิทยาลัย Ernesto พยายามเล่นกีฬาหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ลัคบี้ เบสบอล ปีนเขา และอื่น ๆ โดยหวังจะเอาชนะโรคหอบหืด แต่ก็ยังไม่สำเร็จ ครั้งหนึ่งในช่วงปี 1951 เขาตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวระยะยาวร่วมกับเพื่อนชื่อ อัลแบร์โต กรานาโด (Alberto Granado) ไปทั่วอเมริกาใต้ด้วยรถมอร์เตอร์ไซด์

image
บันทึกการเดินทางของเขา ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ เมื่อปี 2005 คือ "The Motorcycle Diaries" การเดินทางครั้งนั้น นอกจากทำให้เขาโด่งดังไปทั่วแล้ว ยังเป็นการเดินทางที่มีผลต่อแนวคิดครั้งยิ่งใหญ่ และเป็นแรงผลักดันให้เขากลายเป็นนักปฏิวัติ ผู้ตั้งใจอุทิศชีวิต และเลือดเนื้อเพื่อคนชั้นล่างของสังคม ในเวลาต่อมาด้วย

ในช่วงที่เดินทางผ่านประเทศโบลิเวีย, ชิลี, เวเนซูเอลา รวมทั้งการทำงานเป็นแพทย์อาสาในระยะเวลาสั้น ๆ ที่เปรู ทำให้ Ernesto ได้เห็นภาพความยากจน ของชาวบ้าน ที่โดนกดขี่ขมเหงจากบรรดานักการเมืองและนักธุรกิจ ท่ามกลางเศรษฐกิจแบบทุนนิยมที่กำลังไหลบ่าเข้าท่วมประเทศเหล่านี้ Ernesto เริ่มหันมาสนใจการเมืองในอเมริกาใต้อย่างจริงจัง และ แนวคิดที่มีอิทธิพลต่อเขาอย่างยิ่ง ก็คือ มาร์กซิสต์ (Marxismus)

อย่างไรก็ตาม จริง ๆ แล้ว แนวคิดมาร์กซิสต์นี้ Ernesto เคยศึกษามาก่อนหน้าที่เขาจะท่องเที่ยวแล้ว ด้วยเขาเป็นคนชอบอ่านหนังสือ รวมทั้งสนใจศึกษาปรัชญา การเมืองการปกครองมาแต่สมัยเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเมืองการปกครองของประเทศอาร์เจนตินา บ้านเกิดของเขาเอง ภายใต้การนำของผู้นำที่เขาเกลียด Juan Domingo Peron เพราะคอยกดขี่ประชาชน อยู่เเสมอ

ภาพการถูกกดขี่ข่มเหงของประชาชนในอเมริกาใต้ที่สามารถพบเห็นได้โดย ทั่วไป กลายเป็นสิ่งบ่มเพาะจิตสำนึก จนทำให้ Ernesto ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ว่า เขาจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อปลดปล่อยสภาพแบบนั้น ให้กับประชาชนชาวอเมริกาใต้ และเขาเริ่มคิดได้ว่า การทำงานเป็นแพทย์แต่เพียงอย่างเดียว คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลง หรือผลักดันให้เกิดภาพที่เขาอยากเห็นเหล่านั้นได้

image

ดังนั้น ปี 1953 หลังเรียนจบที่คณะแพทย์ ในขณะที่ Granado เพื่อเก่าที่เคยเดินทางด้วยกัน ย้ายไปทำงานที่เวเนซูเอล่า Ernesto กลับเดินทางไปประเทศกัวเตมาลา เพื่อขอเข้าร่วมกับคณะรัฐประหาร ที่ต่อต้าน Jacobo Arbenz Guzmán ในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ที่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศสหรัฐอเมริกา และที่นี่เองที่เขาพบรักกับ Hilda Gadea Acosta หญิงชาวเปรูที่ลี้ภัยการเมือง

แม้จะเป็นเพียงแพทย์ในกลุ่ม แต่ด้วยประสบการณ์และความทรงจำในกัวเตมาลา ผลักดันให้ Ernesto เดินทางต่อไปยังประเทศเม็กซิโก และได้แต่งงานกับ Hilda ที่นั่น และในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 1956 เขาก็ได้ลูกสาวคนแรกชื่อ Hildita

image

image

เม็กซิโก คือสถานที่สำคัญในการพลิกชีวิตของเขาอีกครั้ง เมื่อ Ernesto ได้พบกับ ฟิเดล คาสโตร (Fidel Casto) นักปฎิวัติหนุ่มชาวคิวบา (ผู้นำประเทศคิวบาคนปัจจุบัน) เป็นครั้งแรกในช่วงเดือนกรกฎาคมของปี 1955 ซึ่งในขณะนั้น ฟิเดล คาสโตร ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่ม Moncadistas เดินทางไปเม็กซิโกเพื่อลี้ภัยทางการเมือง ภายหลังที่เขาพึ่งพ้นโทษ ในข้อหาหัวหน้ากบฎจากปฏิบัติการ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 1953 เพื่อโค่นล้มอำนาจประธานาธิบดีบาติสตา รัฐบาลผู้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และกดขี่ชาวคิวบาอย่างแสนสาหัส

คาสโตร เริ่ม รวบรวมสมัครพรรคพวกใหม่ รวมทั้งแอบฝึกกองกำลังติดอาวุธกับเพื่อนที่ลี้ภัยทางการเมืองชาวคิวบา ที่เคยร่วมปฎิบัติการวันที่ 26 กรกฎาคม (M-26-7) มาด้วยกัน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการกลับไปปฏิวัติ นำประชาธิปไตยสู่ประเทศคิวบาอีกครั้ง โดยคาสโตรจะเน้นการรบแบบสงครามกองโจรเป็นหลัก Ernesto มีโอกาสได้เข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ด้วย โดยในการร่วมกับกลุ่มครั้งแรก Ernesto ทำหน้าที่เป็นหน่วยแพทย์ โดยมีชื่อสมาชิกว่า Che (ภาษาอาร์เจนตินา เป็นคำเรียกเพื่อนสนิท หรือเพื่อนตาย หรือ อาจใช้เป็นคำทักทายกัน ทำนองเดียวกับ Hey ก็ได้) โดยเหตุที่ Ernesto ได้รับชื่อ Che นี้ ก็เพราะตัวเขาเอง มักทักทายเพื่อน ๆ ในกลุ่มว่า Hey เสมอ ๆ

วันที่ 25 พฤศจิกายน 1956 กลุ่มคณะปฏิวัติรวมทั้งสิ้น 82 คน ออกเดินทางด้วยเรือยนตร์ขนาดเล็ก ชื่อ Granma จากเมือง Tuxpan ประเทศเม็กซิโกมุ่งหน้าสู่ประเทศคิวบา แต่เนื่องจากวันเดินทางเป็นคืนเดือนมืด และต้องแรมเรืออยู่ในทะเลราวเจ็ดคืน จึงขึ้นฝั่งที่คิวบาได้เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 1956 การเดินทางครั้งนั้นคณะปฏิวัติต้องประสบกับคลื่นลมแรง จนลูกเรือหลายคนเมาคลื่น รวมทั้งทำให้ขึ้นฝั่งผิดเป้าหมายที่วางแผนกันไว้ เป็นผลทำให้กองกำลังปฏิวัติถูกโจมตีโดยกองทัพของประธานาธิบดีบาติสตา จนแตกพ่ายที่เทือกเขาในเขตเมือง Sierra Maestra เหลือกำลังพลเพียง 12 คน เท่านั้น และหนึ่งในนั้นก็คือ Che Guevara

image

และด้วยวิธีปฏิบัติการรบแบบกองโจรของคาสโตรนั้นเอง ที่ทำให้ Che ต้องปรับเปลี่ยนตำแหน่งของเขาอย่างรวดเร็ว จากการทำหน้าที่เป็นเพียงหน่วยแพทย์ ก็ค่อย ๆ กลายเป็นนักรบที่ต้องจับอาวุธขึ้นต่อสู่โดยตรง และด้วยการปฏิบัติการที่เด็ดขาดแน่วแน่ รวมทั้งไหวพริบปฏิพานที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ทำให้ Che กลายเป็นทหารที่มีความสำคัญต่อกลุ่มในไม่ช้า

หลังจากหน้าที่ของกองกำลังแรก (Comandante en Jefe) ซึ่งเป็นกองเริ่มต้นภายใต้การบังคับบัญชาของ ฟิเดล คาสโตร สิ้นสุดลงในราวปลายปี 1956 เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 1957 Che ก็ได้ยกฐานะขึ้นทำหน้าที่เป็นผู้บังคับการกองกำลังทหารปฏิวัติช่วงที่สอง (Comandante der Rebellenarmee) ซึ่งเป็นหนึ่งจากที่มีทั้งหมด 9 ช่วงในการปฏิวัติครั้งนั้น นอกจากนั้นเขายังได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้บัญชาการของกลุ่ม II Kolonne อีกด้วย

นักรบกองโจร คือ คนที่เสมือนผู้นำทาง เขาจะต้องช่วยคนจนเสมอ เขาจะต้องมีความรู้พิเศษทางเทคนิค มีวัฒนธรรมและศีลธรรมสูง มีความอดทนยิ่งต่อความทุกข์ทรมาน และความยากลำบาก และมีความสำนึกทางการเมืองสูงด้วย

Che (Guevara) ผู้เชื่อมั่นในวิธีการต่อสู้ด้วยสงครามกองโจร

หลังจากกลุ่มของเขา ต่อสู้แบบกองโจรได้ราวสองปี แม้จะต้องแตกพ่ายในช่วงแรก แต่ในที่สุดวันที่ 1 มกราคม 1959 ที่เมือง Santa Clara (ซานตาครูส) กองกำลังก็สามารถเข้ายึดอำนาจจากประธานาธิบดีบาติสตาได้อย่างเบ็ดเสร็จ แต่่ประธานาธิบดีบาติสตา สามารถ ลอบหนีออกจากคิวบาไปได้ทัน

ก่อนหน้าที่จะยึดอำนาจ ได้สำเร็จ กลุ่มของคาสโตมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่ม นายทุนอเมริกัน ผู้คาดหวังว่าจะมีโอกาสได้เข้ามากอบโกยในคิวบา โดยอาศัยชัยชนะของคาสโตร แต่คาสโตเองก็ขอรับการ สนับสนุนการปฏิวัติจากสหภาพโซเวียตด้วยในเวลาเดียวกัน และหลังจากการปฎิวัติสำเร็จลง คาสโตร เลือกที่ยืนอยู่ตรงกันข้ามกับสหรัฐอเมริกา ซึ่ง นั่นหมายถึง เขาเลือกอยู่ข้างค่ายคอมมิวนิสต์

image
Che ได้รับสัญชาติคิวบา ในปี 1959 ทั้งนี้เพื่อเป็นการขอบคุณเขา ในฐานะเป็นผู้ร่วมโค่นล้มบาติสตาลงได้ และนอกจาก ฟิเดล คาสโตร, หลุย์ คาสโตร, คามิโล คีนฟูโก แล้ว Che ก็มีตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลใหม่แห่งคิวบาด้วย โดยมีเป้าหมายเพื่อร่วมกันดำเนินการปฏิรูปประเทศในส่วนสำคัญ ๆ อย่างเร่งด่วน

อย่างไรก็ตาม ในรัฐบาลสังคมนิยมชุดนี้ แนวทางคอมมิวนิสต์ยังคงมีอิทธิพลต่อแนวคิดของ Che เสมอ และดูเหมือนจะเข้มแข็งมากกว่าแนวปฏิบัตินิยม และการเมืองนิยมของคาสโตร

จุดสูงสุดทางตำแหน่งทางการเมืองของ Che คือ ช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งเป็น ที่ปรึกษาเศรษฐกิจ และเป็นผู้อำนวยการ ธนาคารแห่งชาติของคิวบา ราวต้นปี 1960 รวมทั้งช่วงสั้น ๆ ของการเป็นรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมใน ปี 1961 ด้วย

นอกจากงานทางด้านการเงิน การคลังแล้ว Che ยังได้รับมอบหมายงานที่เกี่ยวกับนโยบาย การปฎิรูปที่ดินในคิวบา โดยเขาเป็นผู้ผลักดัน และดำเนินการตามเป้าหมายแรกสุดของกลุ่ม ซึ่งตั้งเป้าจะทำให้ได้ภายหลังการปฏิวัติสำเร็จ ก็คือ ยึดที่ดินของนักธุรกิจทั้งหลายมาแปลงให้เป็นทรัพย์สินสาธารณะ แล้วแจกจ่ายให้กับประชาชนชาวคิวบาโดยทั่วหน้ากัน

image
เมื่อเห็นว่า รัฐบาลของคาสโตร ประกาศยึดที่ดินจากนายทุน มาแจกจ่ายให้กับประชาชน โดยให้ผลตอบแทนนายทุนเพียงเล็กน้อย ฝ่ายข่าวกรอง นอกประเทศของสหรัฐ ก็ตัดสินใจเข้ามามีบทบบาทในการแทรกแซงการเมืองประเทศคิวบาทันที ด้วยการหันไปหนุนบาติสตาผู้สูญเสียอำนาจ ให้กลับมาช่วงชิงอำนาจคืนอีกครั้ง แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ฝ่ายอำนาจเก่า พ่ายแพ้ในการปะทะอย่างราบคาบ

ในช่วงเวลาที่เป็นผู้อำนวยการธนาคาร แห่งชาตินั้น Che กำหนดนโยบายที่ชัดเจนในเรื่อง เศรษฐศาสตร์การเมือง และกำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจ โดยอาศัยและชูแนวทาง "คุณธรรมจริยธรรม" เป็นพื้นฐานเท่านั้น เขาพยายามเรียกร้องให้คิวบา เลิกพึ่งพาความช่วยเหลือจากประเทศสหรัฐอเมริกาในทุก ๆ ด้าน แล้วหันไปขอความช่วยเหลือจากค่ายสหภาพโซเวียตแทน รวมทั้งให้ทุก ๆ คนใช้ชีวิตอย่างไม่ฟุ่มเฟือย สิ้นเปลือง Che เรียกโปรเจคชิ้นนี้ของเขาว่า “New Man”

แม้แนวคิดดังกล่าวจะถูกโต้แย้งอย่างมาก แต่ยิ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นแรงผลักให้ Che พยายามปฏิบัติตนให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า สิ่งที่เขาคิดเป็นเรื่องที่ทำได้จริง ๆ ไม่ใช่แค่เรื่องเพ้อฝัน

วันที่ 22 พฤษภาคม 1956 Che แยกทางกับ Hilda ซึ่งอยู่ที่เม็กซิโก แล้วแต่งงานใหม่ เมื่อวันที่ 2 มิถุนยน 1956 กับหญิงชาวคิวบา Aleida March ซึ่งทำงานเป็นหน่วยส่งเอกสาร ให้กับคณะปฏิวัติ ซึ่งได้รู้จักกันในระหว่างการสู้รบที่คิวบา ภายหลังการรับ ตำแหน่งสำคัญ ๆ เหล่านั้น Che ทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ เขาวางแผน ศึกษา เรียนรู้ ทั้งวันทั้งคืนเท่าที่จะทำได้ แม้เขาจะมีบุตรกับ Aleida 4 คน แต่ลูก ๆ ของเขาได้เจอเขาน้อยมาก เพราะเขาทำงานวันละ 18 ชั่วโมง

image
image

Che ทำงานด้วยความสมัครใจของเขาเอง เขาปฏิเสธที่จะรับเงิน หรือผลประโยชน์ตอบแทนอื่น ๆ อันเนื่องมาจากการมีตำแหน่งนั้น ๆ ทั้งสำหรับตัวเขาเองและครอบครัว ครั้งใดที่ Aleida จำเป็นต้องใช้รถประจำตำแหน่ง Che จะจ่ายเงินค่าน้ำมันรถเอง เป้าหมายแห่งความพยายามในการดำรงชีวิตเหล่านี้ของ Che ก็คือ เขาอยากให้ใคร ๆ ได้เห็นภาพของวิธีคิดและการปฏิบัติตัว (New Man) โดย Che ยินดีที่จะเริ่มทำเป็นตัวอย่างให้เห็นก่อน

และด้วยการทำงานหนัก และการดำเนินการตามแผนเศรษฐกิจอย่างเคร่งครัดของ Che ในช่วงนั้นเอง ที่ช่วยทำให้เศรษฐกิจที่เคย

ล้มเหลวของคิวบากระเตื้องขึ้น รวมทั้งช่วยหยุดความขาดแคลนทั้งหลายที่เกิดขึ้นได้จนถึงทุกวันนี้

1961 Che ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

1962 เขาเปิดเจรจรข้อตกลงกับสหภาพโซเวียต (Union der Sozialistischen Sowjetrepubliken หรือ UdSSR ) เกี่ยวกับการขอความสนับสนุนด้านอาวุธ และด้านอื่น ๆ อย่างจริงจัง ภายหลังจากทีอเมริกาเริ่มไม่พอใจที่คิวบากระทำต่อนักธุรกิจอเมริกัน แล้วหันไปเข้ากับสหภาพโซเวียตแทน


อเมริกาเพิ่มแรงกดดันทางการทหารกับคิวบามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ชายฝั่งเมือง Havanna เรือสัญชาติฝรั่งเศษ (La Coubre) ถูกรอบวางระเบิด ในปี 1961 เป็นผลให้คนบนเรือตายไป 75 คน และอีก 200 คนได้รับบาดเจ็บ และรัฐบาลคิวบาสืบทราบว่า CIA เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการวางระเบิดครั้งนั้น

การยืนไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิตในครั้งนั้นเอง ที่ภาพของ Che ถูกบันทึกไว้ โดยช่างภาพชื่อ Alberto Diaz Korda แล้วถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฉบับบ่ายของวันที่ 5 มีนาคม 1960

ในภาพซึ่งแสดงให้เห็นดวงตาที่ฉายแววแห่งความเศร้า ปนความโกรธ และความมุ่งมั่นดื้อรั้นของ Che ทำให้ภาพนั้นกลายเป็นภาพที่โด่งดังที่สุด ในบรรดาภาพถ่ายทั้งหลายของเขา เพราะเป็นเหมือนภาพสัญลักษณ์ของนักต่อสู้ และการปฏิวัติที่แน่วแน่ และยิ่งใหญ่

1964-65 Che เดินทางไปในหลายประเทศ เพื่อเจรจาเรื่องต่าง ๆ อาทิ ประเทศในทวีปเอเชีย สิงคโปร์ จีน หรือแม้แต่การเข้าประชุมกับองค์การสหประชาชาติ UN เพื่อประกาศความไม่สนใจ หรือไม่ต้องการพึ่งพาเศรษฐกิจจากประเทศสหรัฐอเมริกาอีกต่อไป อันเป็นการกล่าวคำปราศรัยที่โด่งดังที่สุดอีกครั้งหนึ่งของ Che

อย่างไรก็ตาม ในเดือนตุลาคม ปี 1965 คาสโต ได้รับจดหมายลาออกจาก Che มีใจความสำคัญว่า เขาขอสละตำแหน่งทางการเมืองทั้งหมด รวมทั้งสัญชาติคิวบาด้วย เพื่อที่เขาจะได้กลับไปต่อสู้กับลัทธิจักรวรรดินิยม อีกครั้ง

ผมไม่ได้ทิ้งสมบัติอะไรไว้ให้ภรรยา และลูกๆ ของผม แต่ผมไม่ได้รู้สึกเสียใจเลย กลับรู้สึกมีความสุขเสียอีก ที่มันเป็นไปอย่างนี้ (จดหมายลา ถึงคาสโตร)

image
ครั้งนั้นเองที่แสดงให้เห็นว่า แม้ Che Cuevara จะได้ดำรงตำแหน่งสำคัญ ๆ ในประเทศคิวบา และเป็นบุคคลสำคัญอัน เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกแล้ว ก็ตาม แต่ด้วยวิญญาณแห่งการปฏิวัติที่ไม่เคยมอดไหม้ ประกอบกับความตั้งใจแน่วแน่ของเขา ที่จะช่วยประชาชนชาวอเมริกาใต้ให้หลุดพ้นจากการถูกกดขี่ข่มเหง โดยไม่เคยคิดแบ่งแยกเชื้อชาติหรือสัญชาติ ยศฐาบรรดาศักดิ์ และทรัพย์สมบัติทั้งหลาย ก็ไม่อาจทำลายแนวคิดเหล่านั้นลงได้

อย่างไรก็ตาม เคย มีผู้กล่าวว่า หนึ่งในหลาย ๆ เหตุผลที่ Che ตัดสินใจกลับเข้าป่า แล้วปฏิวัติอีกครั้ง ทั้งที่อายุย่างเข้าวัยกลางคน แถมยังมีโรคหืดหอบประจำตัวด้วย ก็คือ ความไม่สมหวังในการสร้างคิวบา

Che ชิงชังความเห็นแก่ตัว และการให้ความช่วยเหลืออย่างเสียไม่ได้ที่โซเวียต และประเทศยุโรปตะวันออกในยุคครุสชอพ มอบให้แก่ประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย Che จึงตัดสินใจลอกคราบการเป็นนักบริหาร และนักการฑูตของคิวบา ซึ่งตัวเขาเป็นมาหลายปีทิ้งไปแบบไม่ไยดี แล้ว หันกลับไปหาความจริงใจในป่า แล้วมุ่งทำงานปฏิวัติอย่างไม่หยุดหย่อน ในประเทศอื่น ๆ ที่ยังตกอยู่ภายใต้ ลัทธิจักวรรดินิยม โดยเขาเตรียมพร้อมที่จะใช้ชีวิต และความรู้สึกเยี่ยงมนุษย์ที่ยากจนที่สุด อีกครั้ง

image

image

Che พร้อมเพื่อน ๆ อีกจำนวนหนึ่งเข้าร่วมสงครามปฏิวัติที่ คองโก ในทวีปแอฟริกา ในปี 1965 แต่ก็ล้มเหลว จากนั้นปี 1966 เขาเดินทางเข้าไปยังประเทศโบลิเวีย เพื่อร่วมกับกลุ่มกบฏโบลิเวีย ทำสงครามปฏิวัติโค่นล้มรัฐบาลเผด็จการโบลิเวียในสมัยนั้น

image

กลุ่มนักรบของ Che ราว 44 คน พยายามนำยุทธวิธีการรบแบบกองโจร ที่ใช้ได้ผลมาแล้วสมัยสู้รบกับคาสโตครั้งปฏิวัติคิวบา มาใช้อย่างเต็มที่ แต่ด้วยความแตกต่างกันทาง ด้านลักษณะภูมิประเทศ อีกทั้งแนวคิดพื้นฐานของชาวโบลิเวีย ที่แตกต่างไปจากชาวคิวบา ทำให้วิธีการของเขาใช้ไม่ค่อยได้ผล แม้ในด้านหนึ่ง ชาวบ้านโบลิเวียจะเห็นด้วย และชื่นชมกลุ่มของเขา แต่ก็มีชาวบ้านอีกจำนวนไม่น้อยที่พร้อมจะหักหลังกลุ่มของพวกเขาเช่นกัน

กองกำลังปฏิวัติของ Che โดนตีแตกกระจาย หัวหน้ากลุ่มที่แตกไปถูกฆ่าตายตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม 1967

ส่วน Che และพวกที่เหลืออีกเพียง 14 คน โดนยิงบาดเจ็บ และถูกจับได้ในเดือนตุลาคม 1967 โดยกองกำลังทหารของรัฐบาลโบลิเวีย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก CIA ของสหรัฐอเมริกา ที่ La Higuera อันเป็นเขตพื้นที่เล็ก ๆ ในเทือกเขา Cordillera ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของโบลิเวีย

Che ถูกจองจำไว้ที่ La Higuera โดยมีเจ้าหน้าที่ของ CIA โดยมี Felix Rodríguez ผู้ลี้ภัยชาวคิวบา ทำหน้าที่สอบปากคำ Che ในฐานะเชลยศึก และโดยไม่มีการพิพากษาใด ๆ ทั้งสิ้นในชั้นศาล Che ถูกสั่งฆ่าด้วยการยิงเป้า เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 1967 เวลา 13.10 น. จบชีวิตนักปฏิวัติที่มุ่งมั่น ด้วยวัยเพียง 39 ปี

image

image

ภายหลังการถูกฆาตรกรรม ร่างของ Che ถูกทำให้ไร้ร่องรอย มือทั้งสองข้างของเขาถูกตัดทิ้งเพื่อปิดช่องทางในการพิสูจน์ตัวตน ร่างของ Che ถูกนำไปฝังในสถานที่ลับแห่งหนึ่ง ซึ่งห่างจากเมือง Vallegrande ราว 30 กิโลเมตร (เมืองเล็ก ๆ ในโบลิเวีย ห่างจากซานตาครูซประเทศคิวบาราว 125 กิโลเมตร) แต่ในที่สุด โครงกระดูกของ Che ก็ถูกค้นพบเมื่อปี 1997 โดยนักวิทยาศาสตร์ในโบลิเวียเป็นผู้พิสูจน์ ว่าโครงกระดูกนั้นเป็นของ Che Guevara จริง ๆ

image

image

กระดูกของเขา ถูกส่งกลับไปยังเมืองซานตาครูส ประเทศคิวบา สถานที่ที่เขาเคยเป็นวีรบุรุษ ผู้ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับประธานาธิบดี ฟิเดล คาสโตร เมื่อปี 1958 เพื่อล้มรัฐบาลกดขี่ของบาติสตา คิวบาเก็บโครงกระดูกของ Che ไว้ที่ Mausoleum หลุมฝังศพอันทรงเกียรติในซานตาครูซ และที่นั่นเอง (รวมทั้งอีกหลาย ๆ แห่งทั่วประเทศคิวบา) ชาวคิวบาได้สร้างอนุเสารีย์ Ernesto Che Guevara ในรูปที่พวกเขาคุ้นเคย คือ มือหนึ่งถือปืน ส่วนแขนข้างซ้ายเข้าเฝือกไว้ ขึ้นเป็นตัวแทนแห่งวีรบุรุษนักปฏิวัติ ที่ต่อสู้เพื่อปลดปล่อยชนชั้นล่างของสังคมจากการกดขี่ข่มเหงของนายทุน ใน ลัทธิจักวรรดินิยม

นอกจากนี้ ยังมีการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ Che Guevara เพื่อแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติชีวิต และการต่อสู้ของ Che เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมด้วย

image
แนวคิดสังคมนิยมของ Che มีความหมายมากกว่า การพัฒนาทางวัตถุ หรือมุ่งเน้นแต่เรื่องการยกระดับการครองชีพ

"คุณภาพชีวิตจะดีขึ้น ก็ด้วยการทำให้ ความหมายของการครองชีวิต ดำเนินควบคู่ไปกับความก้าวหน้าทางวัตถุ...ผู้ใช้แรงงานจะได้รู้สึกว่า การทำงาน เป็นความภาคภูมิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์...

ลัทธิทุนนิยม คือสิ่งที่เข้ามาติดสินบนความภาคภูมิใจของคนงาน และเปลี่ยนพวกเขาไปสู่ความละโมบเพื่อตัวเอง ซึ่งนั่นเป็นความใฝ่ฝันผิด ๆ เพราะพวกเขาทำงานเพื่อเงิน ไม่ใช่ทำงานเพื่องานของสังคม

การพัฒนาจิตสำนึก หมายถึง การปลุกเร้าให้กรรมกรทำงานด้วยความเต็มใจและยินดี ไม่ใช่เพื่อความทะเยอทะยานส่วนตัว หรือเพราะความกลัวส่วนบุคคล แต่เพื่อให้บรรลุอุดมการณ์ของพวกเขาเอง เพื่อความเชื่อในตัวผู้นำของเขา และเพื่ออนาคตที่ดีกว่าของระบบสังคมโดยรวม ซึ่งนั่นมันจะย้อนกลับมาสู่ตัวพวกเขาเองในภายหลัง โดยมีรัฐเป็นผู้ดูแล ตอบสนองสิ่งที่เขาต้องการทุกอย่าง

และด้วยวิธีนี้ จะทำให้คนงานสามารถใช้แรงงานเพื่อสิ่งที่ดีงามอย่างสมบูรณ์ จนกระทั่งเงินตรากลายเป็นสิ่งล้าสมัย เหมือนกับการค้าทาสที่ต้องสิ้นสุดลง"

นั่นคือ สังคมในอุดมคติของ Che เป็นฝันไกลที่มนุษย์ยังไปไม่ถึง แม้แต่ประเทศที่ปกครองด้วยระบบสังคมนิยม หรือคอมมิวนิสต์เองก็ตาม แต่ก็ไม่ควรด่วนสรุปว่า ความฝันแบบนี้ ไม่มีความหมายใด ๆ เลย เพราะครั้งหนึ่ง มันก็เคยกระตุ้น คนหนุ่มสาว ให้ร่วมฝัน ร่วมสู้ และร่วมสร้าง มาแล้ว

เคยมีผู้กล่าวว่า สิ่งที่ Che ทำนั้น มันไม่เคยสำคัญเลยว่า เขาจะประสบความสำเร็จ หรือล้มเหลว จิตใจ ความมุ่งมั่น และการได้ลงมือทำอย่างเอาจริงเอาจังของเขา ชนิด ที่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังหาคนทำเช่นนั้นไม่ได้ ต่างหากที่สำคัญยิ่งกว่า เพราะมันคือการกระทำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตใจที่ดีงาม อยากช่วยปลดปล่อยชนชั้นกรรมาชีพผู้ถูกกดขี่ และไม่เคยได้รับความเป็นธรรม

และซากความฝันของ Che ก็ยังอาจมีพลังจาง ๆ แอบแฝงอยู่ในสังคมปัจจุบัน สังคมที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่งแนวทางทุนนิยมสุดโต่ง อยู่บ้างก็เป็นได้

image

คงเพราะ Che Geuvara ไม่ยึดติดกับตำแหน่งใหญ่โตในคิวบา และไม่ได้ทำทุก ๆ อย่างเพื่อความสุขสบายของตัวเขาเองและครอบครัวเลย เขาจึงกลายเป็นตำนาน ในจิตใจคนหนุ่มสาวทั่วโลก แม้เวลาจะผ่านมานานถึง 30 กว่าปีแล้วก็ตาม

ที่มา และแหล่งข้อมูล : Wikipedia, Che-Lives.com

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS